OSP ย้ำเบอร์ 1 รายได้ 9 เดือนโต 3.2 % คาดปลายปีฟื้นดัน กัญชากัญชง ทำตลาดต่อ
OSP เผยยอดขาย 9 เดือนแรก 19,810 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,404ล้านบาทฝ่าปัจจัยลบเติบโตกว่าตลาด ส่วนแบ่งตลาดซีวิททำนิวไฮตลาดต่างประเทศและ OEM สร้างผลงานโดดเด่น เชื่อไตรมาสสุดท้ายขยายตัวพร้อมรับเปิดประเทศดันเครื่องกัญชากัญชงทำตลาด
นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือน 2564 ทำรายได้จากการขาย 19,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากธุรกิจเครื่องดื่มในตลาดต่างประเทศที่มีอัตราการขยายตัว 31.2% และโอสถสภายังคงความเป็นผู้นำตลาดในประเทศของเครื่องดื่มบำรุงกำลัง
ด้วยส่วนแบ่งตลาดรวม 54.5% จากความแข็งแกร่งของแบรนด์อันดับ1 อย่าง เอ็ม-150 เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์ โอสถสภามีส่วนแบ่งตลาด 39.8% ผลักดันโดยแบรนด์อันดับ 1 อย่าง ซีวิท ซึ่งทำส่วนแบ่งตลาดนิวไฮในไตรมาส 3จากศักยภาพการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง
ช่วงไตรมาส 3/2564 บริษัททำยอดขายได้ 6,121ล้านบาท โดยมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่มีความแข็งแกร่งยังช่วยผลักดันให้เครื่องดื่มวิตามินของกลุ่มยันฮีที่โอสถสภาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายกลับมาครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจ OEM ซึ่งรวมถึงการผลิตขวดแก้วให้แก่คู่ค้าในต่างประเทศนั้น มีอัตราเติบโตมากกว่า 50%
บริษัทยังคงใช้การบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm อย่างเข้มข้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3บริษัทฯ เผชิญต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินเป็นผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวทำได้580ล้านบาทและกำไรสุทธิสำหรับ 9เดือนทำได้ 2,404 ล้านบาท แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนกำไรจากการดำเนินงานสำหรับไตรมาสอยู่ที่708 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 11.6% และกำไรจากการดำเนินงานสำหรับ9 เดือนอยู่ที่2,656 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 13.4%
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจากปัจจัยลบภายในประเทศคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และภาครัฐมีมาตรการยกเลิกการประกาศเคอร์ฟิว เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัวในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและบรรยากาศการซื้อสินค้าของผู้บริโภคให้กลับมาคึกคัก
โดยพบว่า ยอดขายสินค้าเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและทยอยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการตลาดและสินค้าใหม่เพื่อรองรับการฟื้นตัว อาทิ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซีวิทขนาด 1 ลิตรในร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วประเทศ การออกผลิตภัณพ์พิเศษลิมิเต็ดอิดิชั่น ของแบรนด์คาลพิส แลคโตะ กลิ่นพีช ซากุระ และกลิ่นเมเปิ้ลไซรัป และ ‘สลิมม่าเจลลี่’ ผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์ ‘สลิมม่า’ ที่มีส่วนผสมของใยอาหารแอลคาร์นิทีนและวิตามินบีช่วยลดการดูดซึมและเผาผลาญไขมัน จึงมั่นใจว่าภาพรวมยอดขายในไตรมาสสุดท้ายจะขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
รวมถึงพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจาก กัญชง-กัญชา ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มร่วมกับพันธมิตรหลักอย่างยันฮีและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลพร้อมออกสู่ตลาดในปีหน้าตอบสนองความต้องการด้านใหม่แก่ผู้บริโภคเพื่อผลักดันการเติบโตและสร้างธุรกิจในอนาคต