“สุพัฒนพงษ์” เร่งเสนอครม.กู้ 2 หมื่นล้าน พยุงดีเซล 30 บาท
“สุพัฒนพงษ์” เร่งเสนอครม.กู้ 2 หมื่นล้าน พยุงดีเซล 30 บาท เหตุกองทุนน้ำมันฯ ช่วยได้แค่สิ้นปีนี้ เล็งนำ “ช็อปดีมีคืน” มาใช้ในปีหน้า หนุนต่อเนื่อง “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่จะสิ้นสุดลงภายในสิ้นปีนี้ จับตาเทศกาล “ลอยกระทง” นักท่องเที่ยวแห่สนใจ ย้ำทุกฝ่ายเฝ้าระวังโควิด
นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมาตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังเร่งดำเนินการเรื่องการขอกู้ยืมเงินเพิ่มเติมภายใต้ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาอย่างเร็วที่สุด เนื่องจากสถานะของกองทุนน้ำมันฯในปัจจุบันมีจำวนเงินเหลืออยู่ไม่มาก และจะสามารถช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรได้จนถึงสิ้นปี 64 เท่านั้น
อย่างไรก็ดี กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยมองว่าน่าจะอ่อนตัวลงได้ เนื่องจากหากผู้ผลิตน้ำมันขึ้นราคาเร็วเกินไป ก็จะส่งผลทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช้าลง จากภาวะเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นตาม ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) ของโลกก็ยังไม่สู้ดีเท่าใดนัก ซึ่งการปรับขึ้นราคาดังกล่าวจะไม่เป็นประโยชน์กับผู้ใดเลย
“สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเวลานี้ค่อนข้างแกว่งตัว โอเปกเองก็หารือกันบ้าง ไม่หารือกันบ้าง ซึ่งมีผลต่อราคาน้ำมัน ขณะที่เงินกองทุนน้ำมันฯของไทยเองก็ร่อยหลอลงทุกที จึงต้องเร่งดำเนินการนำเสนอเรื่องขอกู้เงิน 2 หมื่นล้านให้ ครม. พิจารณาในเร็ววัน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันฯในการรองรับมาตรการดูแลราคาน้ำมันในประเทศ”
ขณะที่ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนจากรัฐบาลนั้น เวลานี้ประเทศไทยก็ได้ดำเนินการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศโดยไม่ต้องกักตัว และการเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรเพื่อให้สามารถเปิดประเทศดังกล่าวได้ โดยหากดูจากข้อมูลทางเศรษฐกิจก็จะพบว่ามีการอุปโภคบริโภคในประเทศ รวมถึงการเคลื่อนไหว และการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือทุกคนในประเทศจะต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
“การเปิดประเทศได้รับการสนับสนุนจากทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ก็ต้องจับตาเทศกาลลอยกระทงในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ว่ามาตรการของรัฐ รวมถึงเอกชน และประชาชนที่จะต้องช่วยกันนั้น จะสามารถควบคุมการแพร่ของโควิดได้ดีหรือไม่ เพื่อให้ต่อเนื่องไปยังเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึง ซึ่งคาดว่าจะมีนักเท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก และมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากในหลายภาคส่วนทั้งค่าที่พัก อาหาร ค่าเดินทาง เป็นต้น”
ส่วนข้อเรียกร้องของภาคเอกขนที่ต้องการให้รัฐบาลนำโครงการช็อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้นั้น เรื่องดังกล่าวนี้อยู่ในแผนที่รัฐบาลกำลังพิจารณา เนื่องจากโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ยังไม่เห็นผลมากตามที่คาดหวัง เนื่องจากผู้มีรายได้สูงมองว่าไม่สะดวกในการใช้มาตรการ โดยอาจจะนำโครงการช็อปดีมีคืนมาใช้ในปี 65 เพื่อให้เกิดการต่อเนื่องกับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่จะสิ้นสุดลงภายในสิ้นปี 64 โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมของมาตรการต่อไป