รัฐชู 4 กลุ่มสินค้ายกระดับเศรษฐกิจฐานราก

ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) รณรงค์ พูลพิพัฒน์ ระบุ สนค.ได้ศึกษาโครงการเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมเกษตรและภาคอุตสาหกรรมของไทยสู่เศรษฐกิจและการค้ายุคใหม่ ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพการค้าและบริการ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากไทย ปีงบประมาณ 2564 โดยผลการศึกษาพบ 4 กลุ่มสำคัญที่จะเป็นโอกาสของไทย ได้แก่  สินค้าสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ พบว่า ตลาดค้าปลีกสินค้าสมุนไพรขนาดใหญ่ของโลก ได้แก่ จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนี สำหรับไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่าค้าปลีกสูงเช่นกัน โดยในปี 2563 มีมูลค่า 45,997 ล้านบาท ไทยยังมีโอกาสในการขยายการส่งออกได้อีกมาก โดยเฉพาะสารสกัดจากสมุนไพร ซึ่งเดิมส่วนใหญ่ส่งออกในรูปของวัตถุดิบหรือมีการแปรรูปขั้นต้นเท่านั้น จึงควรส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมสารสกัดสมุนไพรและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง รวมถึงจัดทำฐานข้อมูลและการกำหนดพิกัดศุลกากรสินค้าสมุนไพร 

กลุ่มสินค้ายาและยาชีววัตถุ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงระหว่างปี 2561-2568 อยู่ที่ 13.8% สำหรับอุตสาหกรรมยาของไทยส่วนมากเป็นการนำเข้ายาและยาชีววัตถุจากต่างประเทศ เนื่องจากไทยยังขาดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการต่อยอดไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยในปี 2563 การนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยารักษาโรคและป้องกันโรค มีมูลค่าอยู่ที่ 2,327.81 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่การส่งออกมีมูลค่า 444.80 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตลาดหลักคือประเทศในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นแนวทางการยกระดับศักยภาพควรมีการปรับปรุงด้านโครงสร้างและกฎระเบียบให้เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยาและยาชีววัตถุ เชื่อมโยงภาคการวิจัยและการผลิตให้ไปสู่ภาคการตลาดมากขึ้น

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ พบว่า การเข้าสู่สังคมสูงวัย การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วย รวมทั้งนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร การท่องเที่ยวทางการแพทย์ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ทำให้ไทยมีโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่สามารถผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญได้ครบทุกประเภท เนื่องจากผู้บริโภคยังไม่มีความเชื่อมั่นในการใช้สินค้าไทย ผู้ผลิตและส่งออกส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย และระบบนิเวศ (ecosystem) ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโต ดังนั้นควรยกระดับศักยภาพกลุ่มสินค้าเครื่องมือแพทย์เชิงพาณิชย์ และสร้างความเชื่อมั่นเครื่องมือแพทย์ไทยให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย 

อาหารทางเลือก (โปรตีนจากจิ้งหรีด) เป็นโอกาสสำหรับไทยซึ่งมีการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดในเชิงพาณิชย์ แต่ยังพบปัญหา 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ การเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นอุปสรรคสำหรับการส่งออก และการไม่มีตลาดที่แน่นอน ดังนั้นภาครัฐจึงควรเร่งส่งเสริมการเพาะเลี้ยง/การผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ตลอดจนการทำการตลาดทั้งภายในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ด้วยการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค เพื่อเพิ่มความต้องการบริโภค