เลือกเก็งกำไรรายตัว เงินเฟ้อยุโรปกดดันระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุน

เลือกเก็งกำไรรายตัว เงินเฟ้อยุโรปกดดันระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุน

เงินเฟ้อยูโรโซนและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างแรงกดดันระยะสั้น ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษ และยูโรโซนที่สูงเป็นสองเท่าของเป้าหมาย BOE และ ECB ทำให้ตลาดคาดการณ์ถึงการลด QE และการขึ้นดอกเบี้ยที่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปีหน้า

ประกอบกับการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันภาพการลงทุนทั่วโลกระยะสั้นให้เกิดแรงขายทำกำไร หลังตลาดตอบรับการฟื้นตัวที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/64 ไปล่วงหน้าพอสมควรแล้ว

 

เก็งกำไรอย่างไรกับกระแสข่าวควบรวม TRUE-DTAC มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการซื้อกิจการ/ควบรมที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 2 และ 3 ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันหรือแหล่งข่าวอย่างเป็นทางการกล่าวถึงข่าวนี้ หากให้เราประเมินมุมมองความเป็นไปได้ทางพื้นฐาน หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง เราประเมินควรไม่น่าเป็นการเข้าซื้อ เนื่องจากจะสร้างภาระทางการเงินและดอกเบี้ยจ่ายแก่ผู้เข้าซื้อ แต่น่าจะเป็นการควบรวม ซึ่งจะมีโอกาสสร้างผลผนึก (synergy) จาก 1) จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รวม 59 ล้านราย (vs AIS ที่ 55 ล้านราย) 2) การประหยัดต่อขนาดที่จะเกิดขึ้น 3) กระแสเงินสดอิสระของ DTAC 5,000-10,000 ล้านบาท/ปี จะช่วยลดหนี้ให้กับ TRUE 4) การประหยัดเงินลงทุนของ DTAC 8,000-15,000 ล้านบาท/ปี เนื่องจากสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วม 

     •    หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงเป็นบวกกับทั้งคู่ ขณะเดียวกันหากดีลนี้เกิดเพียงความร่วมมือในการใช้โครงสร้างพื้นฐาน (DTAC เช่า network ของ TRUE) ก็ยังถือว่าน่าสนใจ เนื่องจากจะช่วยลดขาดทุนของ TRUE และ DTAC น่าจะประหยัดเงินลงทุนบางส่วน อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวยังเป็นเพียงการคาดการณของตลาดเท่านั้น 

     •    ราคาเหมาะสมของ TRUE และ DTAC ของ Concensus อยุ่ที่ 4.38 และ 40.82 บาท หากใช้สมมติฐานความร่วมมือช่วยสร้างกระแสเงินสดอิสระให้ทั้งคู่ได้ปีละ 3,000 ล้านบาทในช่วง 10 ปีข้างหน้า  มีโอกาสที่ราคาเหมาะสมของทั้งคู่จะเพิ่มเป็น 5.00 และ 49 บาท

     •    แนะนำเพียงเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุนและควรติดตามประเด็นข่าวใกล้ชิด
 

 

 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 8) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,630-1,650 จุด กลยุทธ์เก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ ระยะสั้นมีโอกาสเห็นการหมุนมายังสื่อสาร และหุ้นที่เพิ่ง IPO เข้ามาไม่นาน //หุ้นแนะนำ: ADVANC*, RS*, ONEE*, IFS*

แนวรับ: 1,635 / แนวต้าน : 1,650-1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน
 

เงินเฟ้อยูโรโซนพุ่ง 4.1% yoy – ยูโรสแตทเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. พุ่งขึ้น 4.1% yoy สูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ 2% ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เพิ่มขึ้น 2.1% yoy

ปรับเกณฑ์แก้หนี้ให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะหนี้เสียก่อน 1 ต.ค.64 – กคน.มีมติเห็นชอบให้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อขยายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน จากเดิมที่ต้องมีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) ก่อนวันที่ 1 ก.พ.64 เป็นก่อนวันที่ 1 ต.ค.64 โดยมีผลตั้งแต่ 17 พ.ย.64 

คลัง ยังไม่ลดภาษีน้ำมัน – ตามข้อเรียกร้องกลุ่มรถบรรทุกที่ต้องการให้ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเหลือ 5 บาทต่อลิตร โดยขณะนี้ยังมีกลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะเข้าไปพยุงราคาน้ำมันให้อยู่ที่ระดับ 30 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับราคาที่เหมาะสม

Opportunity day – 18 พ.ย. – PSH, BAM, IRPC, SKN, JWD, PROSPECT, BGC, NRF, RS, FORTH, RBF, PROUD / 19 พ.ย. – TFM, TCMC, JUBILE, ALLY, NVD, VCOM, TU, HANA, UAC, HUMAN

ประเด็นติดตาม: -   19 พ.ย. – US: การเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่, 23 พ.ย.: US manufacturing PMI เดือน ต.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)