PEA ชูธงนวัตกรรมดิจิทัล สร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน

PEA ชูธงนวัตกรรมดิจิทัล สร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน

PEA ชูธงนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์ม รองรับการขยายตัวการใช้ไฟฟ้า หนุนโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เดินหน้าพัฒนาพลังงานทดแทน ผสานพันธมิตรสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน

นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. กล่าวถึงสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมของไทยในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค.2564 ว่า กฟภ.มีหน่วยจําหน่ายไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 93,569  ล้านหน่วย ขยายตัว 3.14% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัยยังคงมีอัตราการการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1.42% ต่อเนื่องจากปี2563 สืบเนื่องมาจากมาตรการภาครัฐในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งการทำงานที่บ้านและการเรียนออนไลน์ ส่วนภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมีอัตราการใช้ไฟฟ้าขยายตัวถึง 8.24% จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการกระตุ้นการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก และพลาสติก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในบางธุรกิจลดลง อาทิ กลุ่มห้างสรรพสินค้าและธุรกิจโรงแรม แต่ในกลุ่มครัวเรือนและภาคการผลิตยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง กฟภ.เตรียมพร้อมทุกด้านเพื่อให้การใช้ไฟฟ้าเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานได้ครอบคลุม ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มขีดความสามารถในการจำหน่ายไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเสริมศักยภาพด้านการให้บริการ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางแนวโน้มของการใช้พลังงานไฟฟ้าและตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบัน กฟภ.นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนการทำงานในทุกส่วนขององค์กร ทั้งด้านโครงข่ายลูกค้า การพัฒนาบุคลากร รวมถึงการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชันต่างๆ รองรับการใช้งานตามความต้องการทางธุรกิจโดยมีโครงการพัฒนาด้านพลังงานทดแทน ด้านการอนุรักษพลังงาน และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาระบบจำหน่ายไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ซึ่งขณะนี้ติดตั้งมิเตอร์อัจฉริยะ (Smart Meter) ในพื้นที่เมืองพัทยาแล้วจํานวน 116,308 เครื่อง อยู่ระหว่างการขยายโครงการไปยังพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติม โครงการไมโครกริด (Microgrid) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมากไปยังพื้นที่ห่างไกล เพื่อขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารสํานักงาน กฟภ. 204 แห่ง โครงการพัฒนาอาคารที่ใช้พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Energy Building) ณ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม รวมถึงโครงการร่วมทุนกับประเทศฟินแลนด์ เพื่อเปิดโรงไฟฟ้าที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตในเดือนม.ค.2565

นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบจำหน่ายไฟฟ้ารองรับเทรนด์การใช้พลังงานไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้น โดยเตรียมการเก็บพลังงาน (Battery Storage) เพื่อเสริมประสิทธิภาพการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้มั่นคง เพียงพอ เชื่อถือได้นำอุปกรณ์ เทคโนโลยี แอปพลิเคชันต่าง ๆ เข้ามาใช้ในระบบ อาทิ มิเตอร์อัจฉริยะ AMI (Automatic Meter Reading) รวมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) โดยเฉพาะการดูแลเรื่องจุดชาร์จแบตเตอรี่  ซึ่งเป็นเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญเรื่องพลังงานสะอาด (Renewable Energy)

อีกทั้ง ยังกำหนดแนวทางนำดิจิทัลมาขับเคลื่อนและรองรับการบริหารโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน รองรับโครงข่ายที่มีความซับซ้อนในอนาคต เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการหรือปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เร็วขึ้น ลดค่าใช้จ่าย รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดาวเทียม โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยเน้นหน่วยงานและคู่ค้าที่มีความเป็นมืออาชีพ มีคุณธรรม และมีจรรยาบรรณ ประการสำคัญ คือ การวางแผนไปสู่เป้าหมายเพื่อเติบโตไปด้วยกัน   

ล่าสุด ยังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดงาน ASEAN SUSTAINABLE ENERGY WEEK AND PUMPS & VALVES ASIA 2021 แสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนด้านพลังงานครั้งสำคัญของภูมิภาคอาเซียนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยกฟภ.ร่วมนำเสนอเทคโนโลยีที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้พัฒนาและนำมาใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น PEA Care and Services แอปพลิเคชันที่ให้บริการแบบครบวงจร หรือ One-Stop-Service ทั้งบริการตรวจสอบ ซ่อมแซม และบํารุงระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า ตลอดจนบริการล้างเครื่องปรับอากาศที่ผู้ใช้งานสามารถแจ้งผ่านแอปพลิเคชันได้สะดวก รวดเร็ว  PEA IHAPM นวัตกรรมสำหรับการควบคุมการใช้พลังงานอัจฉริยะผ่านสมาร์ทโฟน สามารถเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านมือถือ ไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลก รวมทั้งสามารถอ่านค่าการใช้ไฟฟ้าและแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติของเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งควบคุมสั่งการด้วยระบบ AI 

นอกจากนี้ ยังมี PEA Solar Energy Solutions บริการสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทดแทนพลังงานรูปแบบเดิม โดยสํารวจ ออกแบบ ติดตั้ง และจัดการพลังงาน ครบวงจร มี PEA Volta Platform ธุรกิจให้บริการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ กฟภ.พัฒนาเพื่ออํานวยความสะดวกให้ผู้ใช้ยานยนต์และผู้ประกอบการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสามารถใช้บริการผ่านเครือข่าย PEA VOLTA Platform ได้อย่างสะดวก โดยเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าและเครือข่ายสถานี PEA VOLTA Charging Station แล้ว จํานวน 57 สถานี และตั้งเป้าทยอยเปิดให้บริการเพิ่มรวมทั้งสิ้น 263 สถานี ภายในปี 2566 ครอบคลุมทางหลวงสายหลักของประเทศมีจุดชาร์จทุก 100 กิโลเมตร

“สำหรับการเข้าร่วมงาน ASEW & PVA 2021 - Virtual Edition ที่ผ่านมา นอกจากการได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนของทุกภาคส่วน เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนด้านพลังงานของประเทศรวมถึงภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง กฟภ.พร้อมเดินหน้าความร่วมมือในทุกระดับและมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มศักยภาพการใช้ไฟฟ้า รองรับกับความเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร กฟภ.พร้อมดูแลระบบจ่ายไฟฟ้าให้มั่นคง ปลอดภัย เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน พร้อมส่งเสริมและขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน”