เตรียมตัว "ยื่นภาษี ปี64" เปิดวิธีขอคืนภาษีบุคคลธรรมดา แบบด่วนจี๋ทันใจ
เตรียมตัวให้พร้อม ก่อน "ยื่นภาษีบุคคลธรรมดา" ประจำปี 2564 เปิดเทคนิคสำหรับทั้งพนักงานออฟฟิศ อาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ รวมถึงคนที่มีรายได้หลายทาง ถ้าอยากได้เงินคืนภาษีรวดเร็วทันใจ ต้องห้ามพลาดเช็คลิสต์อะไรบ้าง
เตรียมนับถอยหลังอีก 2 เดือน ประมาณเดือนมกราคม – มีนาคมของทุกปี สำหรับผู้มีรายได้จะต้องเข้าสู่ช่วงแห่งการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี ซึ่งถ้าหากใครมีรายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ เมื่อนำค่าลดหย่อนรายการต่างๆ มาช่วยลดภาษีได้เยอะ และคำนวณภาษีแล้วมีภาษีที่จ่ายเกินไว้ ก็สามารถขอคืนเพื่อให้ได้รับเงินภาษีที่เสียไปกลับคืนมาได้ด้วย
ในช่วงหลังๆนี้ สรรพากรมีการอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่เสียภาษีให้ได้รับภาษีคืนเร็วขึ้น แต่อีกหลายๆ รายต่างตั้งตารออยู่หลายเดือน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับเงินภาษีคืน ดังนั้น ใครที่ยื่นมาหลายปีก็ยังได้เงินภาษีคืนช้า ห้ามพลาด! รีบไปอ่าน
วิธีขอคืนภาษีแบบด่วนจี๋ทันใจกัน
1. เตรียมเอกสารที่ต้องใช้ให้ครบ ยื่นจบในครั้งเดียว
ก่อนยื่นภาษีประจำปี ผู้เสียภาษีจะต้องเตรียมเอกสารต่างๆ ให้ครบ เพื่อไว้ใช้อ้างอิงข้อมูลในการยื่นข้อมูล เพราะถึงแม้ตอนกรอกข้อมูลครั้งแรกสรรพากรไม่ได้กำหนดให้แนบเอกสารเข้าไป
แต่สำหรับบางกรณี สรรพากรก็อาจมีการเรียกเอกสารเพิ่มเติม โดยเฉพาะมีการขอคืนภาษีด้วย ทางสรรพากรจะต้องมีตรวจสอบอย่างแน่นอน หากผู้มีรายได้เตรียมเอกสารไว้ครบ ก็จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการคืนเงินภาษีด้วยนั่นเอง ซึ่งเอกสารที่เกี่ยวกับภาษีประกอบด้วย
1.1) เอกสารแสดงการมีรายได้
- พนักงานประจำ เอกสารที่ต้องเตรียม คือ ใบทวิ 50 หรือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งในเอกสารจะมีข้อมูลรายได้ตลอดทั้งปี ภาษีสะสมที่บริษัทได้หักไว้ และข้อมูลประกันสังคมในส่วนที่ผู้เสียภาษีได้จ่ายในปีนั้นๆ รวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ถ้ามี) ที่ถูกหักไว้ระหว่างปีด้วย
- อาชีพอิสระ เช่น ฟรีแลนซ์ รับจ้างต่างๆ ซึ่งปกติผู้ว่าจ้างจะออกเอกสารให้ทันทีเมื่อจ่ายเงิน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ดังนั้น ผู้เสียภาษีจะต้องเก็บเอกสารเหล่านี้ให้ดี เพื่อใช้เป็นหลักฐานรายได้ของตนเอง รวมถึงอาจจะสามารถขอคืนเงินภาษีที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายคืนได้ด้วย
- ขายสินค้าออนไลน์ อาชีพในกลุ่มนี้ รายได้อาจจะไม่ได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จำเป็นต้องสรุปรายรับรายจ่ายไว้ให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นหลักฐานสำหรับการยื่นภาษี หรือหลักฐานอื่นๆ ที่สามารถตรวจสอบเทียบเคียงได้กับหลักฐานอื่นๆ อย่างเช่นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
- บุคคลที่มีรายได้หลายทาง เช่น เป็นพนักงานบริษัท มีรายได้ประจำเป็นเงินเดือน และขายสินค้าออนไลน์ รับจ้างเป็นครั้งคราวไปด้วยพร้อมๆ กัน ต้องนำรายได้ทั้งหมดทุกช่องทางมารวมกันเพื่อยื่นภาษี ที่สำคัญต้องเก็บเอกสารทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานด้วย
1.2) เอกสารลดหย่อนส่วนตัวที่ใช้ยื่นภาษี
สำหรับค่าลดหย่อนในกลุ่มที่เป็นค่าลดหย่อนส่วนตัว เช่น คู่สมรส บุตร พ่อแม่ หรือดูแลคนพิการและทุพพลภาพ ถ้าหากเป็นครั้งแรกที่ยื่นในกลุ่มนี้ บางกรณีต้องเตรียมเอกสารไว้เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการลดหย่อนภาษีด้วย
1.3) เอกสารที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
เอกสารในกลุ่มนี้ เช่น เอกสารลดหย่อนภาษีประกันภัย (หนังสือรับรองการชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต) เบี้ยประกันแบบบำนาญ หนังสือรับรองการซื้อหน่วยลงทุน เบี้ยประกันสุขภาพ หนังสือรับรองดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย ต้องเตรียมเอกสารไว้ลดหย่อนภาษี
หรือหากผู้เสียภาษีมีหลักฐานการขายกองทุนของปีที่ผ่านมา ต้องเตรียมเอกสารไว้ด้วย เพราะถือว่าเป็นรายได้ด้วยเช่นกัน
1.4) เอกสารหลักฐานค่าลดหย่อนใหม่ที่เกิดขึ้นในปีนี้
ทุกๆ ปี รัฐบาลจะมีประกาศเป็นกรณีพิเศษ เช่น ให้สามารนำค่าซื้อสินค้าและบริการที่รัฐบาลกำหนดใหม่ มาลดหย่อนภาษีได้เพิ่มอีก 1 เท่า โดยให้แนบใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ หรือถ้ามีการซื้อประกันหรือกองทุนใหม่ๆ ที่รัฐบาลกำหนดเพิ่มในปีนั้น ก็ให้แนบเอกสารไปด้วย
2. ยื่นภาษีไวมีชัยไปกว่าครึ่ง
หากเตรียมเอกสารครบแล้ว เมื่อถึงกำหนดยื่นภาษีอย่ารอช้า ให้รีบยื่นให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งยื่นภาษีเร็วเท่าไรหากมีเงินภาษีที่จะต้องได้คืน ก็จะทำให้ได้คืนเร็วขึ้น แต่ก็ต้องระมัดระวังในช่วงขั้นตอนของการกรอกข้อมูลด้วย หากรีบมากจนกรอกข้อมูลผิด แทนที่จะได้เงินภาษีคืนเร็วกลับกลายเป็นว่ายิ่งช้ากว่าเดิม
เนื่องจากเมื่อมีการขอคืนเงินภาษีเกิดขึ้น สรรพากรจะต้องตรวจสอบข้อมูลและเอกสารอย่างแน่นอน ดังนั้น ถ้าหากพบว่าข้อมูลที่กรอกไว้ไม่ตรงตามความเป็นจริง ก็จะถูกตรวจสอบย้อนหลังพร้อมขอเอกสารเพิ่มเติม
ทางที่ดีเลือกวันยื่นภาษีช่วงต้นเดือนแรกที่สรรพากรกำหนดให้ยื่นภาษี อย่ารอจนใกล้หมดเขตที่สรรพากรกำหนด และต้องกรอกข้อมูลอย่างระมัดระวัง ให้เรียบร้อยเสร็จสมบูรณ์ในครั้งแรกที่ยื่นภาษี โอกาสได้เงินภาษีคืนก็จะเร็วขึ้น
3. เลือก "ช่องทางยื่นภาษี" ให้ถูกต้อง
เนื่องจากปัจจุบันการยื่นภาษีนั้น ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่การไปยื่นภาษีที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเท่านั้น ยังสามารถยื่นได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ ยื่นทางออนไลน์และยื่นผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งหากต้องการให้ได้เงินภาษีคืนอย่างรวดเร็ว ควรยื่นผ่านทางออนไลน์ดังนี้
3.1) ยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สรรพากร
การยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สรรพากร www.rd.go.th ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่รวดเร็ว ใช้งานง่าย สามารถยื่นภาษีได้ทุกที่ทุกเวลา และมีโอกาสได้เงินภาษีคืนไว
แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่าต้องระวังเรื่องการกรอกข้อมูลอย่าให้ผิดพลาด ถึงแม้ว่าหากกรอกข้อมูลผิดก็สามารถกลับไปแก้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ในภายหลัง ทว่าในทางกลับกัน การแก้ข้อมูลจะทำให้สรรพากรเห็นความผิดปกติที่อาจมาพร้อมกับการถูกตรวจสอบย้อนหลัง และขอเอกสารหลักฐานเพิ่มได้ ซึ่งจะทำให้การขอคืนเงินภาษีช้าลงนั่นเอง
3.2) ยื่นผ่านแอพพลิเคชั่น Rd Smart Tax
นอกจากยื่นภาษีผ่านเว็บไซต์ของสรรพากรแล้ว ทางสรรพากรยังมีแอพพลิเคชั่น Rd Smart Tax ไว้สำหรับผู้เสียภาษีที่ถนัดใช้สมาร์ทโฟน สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นแล้วกรอกข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ที่สำคัญสามารถใช้ได้ทั้งมือถือระบบ Android และ IOS
4. ลงทะเบียน "พร้อมเพย์" ด้วยเลขประจำตัวประชาชน
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ทางสรรพากรมักจะแจ้งเสมอว่า หากผู้เสียภาษีที่ได้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน ทางสรรพากรมีบริการคืนเงินภาษีโดยโอนเงินตรงเข้าบัญชีได้เลย ซึ่งจะเร็วกว่ารอเป็นเช็คที่ต้องส่งผ่านไปรษณีย์ ใช้เวลานานกว่ามาก
ดังนั้น ใครที่ยังไม่เคยลงทะเบียนพร้อมเพย์ ผูกเลขบัตรประจำตัวประชาชนไว้กับบัญชีเงินฝากของตนเอง แนะนำว่าให้ไปทำ เพราะนอกจากจะได้เงินภาษีคืนเร็วมากๆ แล้ว การผูกเลขบัตรประจำตัวประชนชนไว้กับบัญชีเงินฝาก จะอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมหลายๆ ด้าน ทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลอย่างสรรพากรและประกันสังคมด้วย
5. ติดตามสถานะอยู่ตลอด
สุดท้ายเมื่อการยื่นภาษีสิ้นสุดลง ระหว่างที่รอเงินภาษีคืน ผู้เสียภาษีต้องหมั่นตรวจสอบสถานะทางเว็บไซต์กรมสรรพากร หัวข้อ “สอบถามข้อมูลขอคืนภาษี” หรือแอพพลิเคชั่น RD Smart Tax ว่าต้องการเอกสารเพิ่มหรือไม่
เพราะบางกรณีทางสรรพากรต้องการเอกสารเพิ่มเพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงเพิ่มเติม ก็จะแจ้งผ่านเว็บไซต์สรรพากร หรือทางแอพพลิเคชั่น RD Smart Tax ที่ผู้เสียภาษีได้ยื่นภาษีไว้
หากพบว่าต้องมีเอกสารเพิ่มเติม ให้รีบดำเนินการส่งไปเพิ่มเพื่อให้การขอคืนภาษีเร็วยิ่งขึ้น หรือการตรวจสอบสถานะอาจทำให้ทราบว่า สรรพากรกำลังดำเนินการส่งคืนเงินภาษีให้ โดยที่ไม่ได้เรียกตรวจเอกสารเพิ่มก็ได้
สรุป
เมื่อมาถึงตรงนี้หลายคนที่เคยท้อใจกับการรอเงินภาษีคืนมาหลายปี จากนี้ไปแค่เตรียมเอกสารให้ครบ ยื่นภาษีให้ไว เลือกช่องทางยื่นภาษีออนไลน์ ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชน และหมั่นติดตามสถานะอยู่ตลอด ก็สามารถได้เงินภาษีคืนรวดเร็วทันใจทันใช้แล้ว
Source: by Inflow Accounting
..อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีในคอลัมน์ "ภาษีเรื่องง่าย by Inflow Accounting" คลิกที่นี่