บริษัท Apple จากคอมพิวเตอร์ Macintosh 
สู่รถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบ

ในช่วงที่ผ่านมา Apple ไม่เพียงแต่ผลักดันโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแต่ล่าสุดได้มีรายงานว่า Apple กำลังมุ่งพัฒนารถยนต์ไร้คนขับแบบเต็มรูปแบบ ทั้งนี้กว่าหลายปีที่ผ่านมา ทีมพัฒนารถยนต์ของ Apple ได้พัฒนารถยนต์ควบคู่ไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ 
1. สร้างโมเดลรถยนต์ที่จำกัด โดยมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพการขับขี่ คล้ายกับรถยนต์ในปัจจุบันไม่ใช่รถยนต์ไร้คนขับ 
2. โมเดลรถยนต์ไร้คนขับแบบเต็มรูปแบบที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการบังคับจากมนุษย์

Apple อีกผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับ

Apple มีความตั้งใจที่จะพัฒนาและวางจำหน่ายรถยนต์ไร้คนขับภายใน 4 ปีข้างหน้า ล่าสุด บริษัทได้ก้าวไปอีกขั้นกับการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าเป็นหัวใจหลักของรถยนต์ไร้คนขับรุ่นแรกที่จะเปิดตัว ในส่วน Chip ได้รับการออกแบบโดยกลุ่มวิศวกรของ Apple ซึ่งเป็นผู้ออกแบบโปรเซสเซอร์สำหรับ iPhone, iPad และ Mac โดย Apple ต้องการพัฒนา Software ที่ทำงานบน Chip เพื่อเพิ่มความสามารถของระบบไร้คนขับ กล่าวได้ว่า Apple Car Chip ถือเป็นชิ้นส่วนที่ล้ำสมัยที่สุดที่บริษัทได้พัฒนาออกมา ซึ่งประกอบด้วยโปรเซสเซอร์ที่รองรับการทำงานของ AI ที่จำเป็นสำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ด้วยการทำงานที่หนักขึ้นของ Chip อาจส่งผลให้เกิดความร้อนได้ง่าย ดังนั้นขั้นต่อไปคือ การพัฒนาระบบระบายอากาศและการทำความเย็นเพื่อรองรับการทำงานที่หนักมากขึ้น

Source: รูปภาพจาก macrumors

ตั้งแต่ปี 2014 Apple ได้จัดตั้งโครงการนี้มีชื่อว่า “Project Titan” และในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากการนำทีมกว่า 3 ปี นาย Doug Field อดีตหัวหน้าทีมได้ย้ายจากการนำทีมใน Apple ไปยัง Ford Motor Co. และได้เลือกนาย Kevin Lynch ขึ้นมารับช่วงต่อ โดยถือเป็นผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ด้านรถยนต์มาก่อน ภายใต้การนำทีมของ Apple Watch Software Executive นาย Kevin Lynch และ ทีมงานได้มุ่งเน้นพัฒนาโมเดลรถแบบที่สอง (Full self-driving) เนื่องจาก Lynch ต้องการผลักดันการเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกให้เป็นรถยนต์ไร้คนขับ

นาย Kevin Lynch ถือเป็นผู้ที่เข้ามานำทีมพัฒนารถยนต์รุ่นที่ 5 Bloomberg รายงาน ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา Apple ได้มีการเปลี่ยนแปลงทีมงานที่เกี่ยวข้องมาหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดด้วยความสามารถของ Lynch ในการผลักดันให้ Apple Watch เป็นหนึ่งใน Core Product ของบริษัท ทำให้วิศวกรในทีมมองว่า การนำของ Lynch อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับโครงการรถยนต์ โดยปี 2025 เป็นปีที่บริษัทตั้งเป้าหมายในการบรรลุการพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับ หากไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด คาดว่าบริษัทอาจเลื่อนการวางจำหน่ายรถยนต์ไร้คนขับออกไป หรืออาจวางจำหน่ายรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีน้อยกว่า

ความท้าทายใหม่ ของ Apple ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับ

เป็นเวลากว่าหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์เดิมที่ต้องการเข้ามาในยุครถยนต์ไร้คนขับ แต่ผู้ประกอบการกลุ่มเทคโนโลยีก็ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญ อย่างไรก็ตามหลายบริษัทยังไม่เข้าใกล้ความสำเร็จในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าเป็น Tesla ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำในการผลิตและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ที่ยังห่างไกลจากการออกรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบ หรือ Alphabet Inc ที่ประสบปัญหาการพัฒนาเทคโนโลยี และล่าสุด Uber Technologies ที่พึ่งขายส่วนพัฒนารถยนต์ไร้คนขับให้บริษัทอื่น

ทั้งนี้ หากอ้างอิงมาตรฐาน ระบบ Autonomous Cars ตามกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ กำหนด Level 0-5 พอสรุปได้ดังนี้

Source: https://reder.red/5-level-of-autonomous-cars-13-12-2020/

นักวิเคราะห์คาดว่าภายในปี 2030 รถยนต์ไร้คนขับระดับ 0 และ 1 จะลดลง ในขณะที่รถยนต์ไร้คนขับระดับ 2 ขึ้นไปจะเพิ่มมากขึ้น แต่จะเห็นได้ว่าระดับที่ 5 ยังไม่อยู่ในประมาณการของนักวิเคราะห์

ภาพจาก Bloomberg

ข้อถกเถียงในประเด็นรถยนต์ไร้คนขับมีอะไรบ้าง?

ถึงแม้การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ระยะเวลา และความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังมีข้อถกเถียงเกิดขึ้น ดังนี้

ลดการเกี่ยวข้องของมนุษย์

เนื่องจากมีโอกาสที่มนุษย์จะตัดสินใจผิดพลาดมากกว่าระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ แต่อย่างไรก็ตาม การเตรียมพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงของมนุษย์ยังถือเป็นสิ่งที่จำเป็น

จริยธรรมในการขับรถ

จริยธรรมของรถยนต์ไร้คนขับถือเป็นเรื่องที่ยังต้องถดเถียงกันอยู่มาก โดยระบบอาจต้องตัดสินใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชีวิต หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น กรณีที่จะเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ไร้คนขับจำเป็นจะต้องตัดสินใจระหว่างเลี่ยงการเกิดการบาดเจ็บกับผู้ขับขี่ แต่อาจกลับเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต

เงินทุนในการพัฒนาที่สูง

การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับจำเป็นต้องใช้เงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์ โดย Waymo แผนกพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของ Google ที่เริ่มก่อตั้งในปี 2009 ได้ระดมทุนกว่า $2.5 billion ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก $3.25 billion ในปีก่อน

นอกจากจะสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่แล้ว หนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ที่ทุกๆ บริษัทต้องการคือ ลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า ในแต่ละปีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นคร่าชีวิตไปกว่า 1.3 ล้านคน ในระยะข้างหน้าจึงต้องจับตาการพัฒนารถยนต์ของแต่ละบริษัทว่า บริษัทใดจะสามารถพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับที่ปลอดภัยและสมบูรณ์ที่สุด ไม่ว่าบริษัทใดสามารถบรรลุเป้าหมายได้ นอกจากรายได้ที่จะเพิ่มมากขึ้นแล้ว จะยังช่วยลดการสูญเสียชีวิตให้กับมนุษยชาติอีกด้วย

ที่มา: Bloomberg

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน 
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds