วิกฤติ "โอไมครอน" โอกาสเปลี่ยน "เศรษฐกิจไทย"

วิกฤติ "โอไมครอน" โอกาสเปลี่ยน "เศรษฐกิจไทย"

วันนี้ ต้องจับตา "โอไมครอน" ที่อาจเป็น Game Changer หรือจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทย เป็นความเสี่ยงใหม่ให้กับเศรษฐกิจโลก ผู้บริหารประเทศควรเร่งทำความเข้าใจและใช้โอกาสในขณะที่หลายพื้นที่ของโลกยังตื่นตระหนก วางยุทธศาสตร์ภาพใหญ่เสียก่อน

ภายหลังพบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ตัวใหม่ “โอไมครอน” อิสราเอลเป็นรายแรกของโลก ที่ประกาศปิดประเทศเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2564 ตามด้วยประเทศญี่ปุ่นที่มีผลตั้งแต่ 30 พ.ย.

โดยเฉพาะอิสราเอลมีความเข้มงวดเป็นพิเศษ นอกจากลั่นดาลงดรับชาวต่างชาติ ยังทำงานเชิงรุก สั่งหน่วยข่าวกรองค้นหาและติดตามนักเดินทางทุกคนที่มาจากดินแดนที่พบการแพร่ระบาดของโอไมครอน

ที่มาของคำสั่งปิดประเทศแบบฉับพลันของทั้งสองชาติ เกิดจากบทเรียนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความรุนแรงของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ไม่เพียงสร้างความสูญเสียประชากร ยังทำลายเศรษฐกิจประเทศย่อยยับ ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการฟื้นฟู หากวิเคราะห์ปัญหาจะพบว่าอิสราเอลฉีดวัคซีนเร็วแต่ภูมิคุ้มกันหมดฤทธิ์เร็วเช่นกัน ส่วนญี่ปุ่นไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนจะล่าช้าจนโควิดมีการระบาดซ้ำซาก

กลับมาที่ไทย รับมือกับโควิดค่อนข้างดีในปีแรก ทว่าปีที่ 2 เมื่อเกิดการระบาดอีกหลายระลอก จากประเทศที่แก้ปัญหาสำเร็จในลำดับต้นๆ กลายเป็นอันดับท้ายๆ จุดอ่อนจากนักการเมืองฉุดรั้งฝ่ายแพทย์จนต่ำประสิทธิภาพ เกิดความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีน

กระทั่งปัจจุบันเป้าหมายการฉีดให้ครบ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือน พ.ย. ยังไม่เข้าเป้า ทว่าเมื่อโอไมครอนอุบัติขึ้น เป้าหมายวัคซีน 100 ล้านโดส ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป การต่ำเป้าไม่ถึง 8% ไม่ควรทำให้ภาพรวมเสียหาย เราเห็นว่าต้องมองไปข้างหน้า ในวันที่ประเทศไทยซึ่งยังไม่เจอผู้ติดเชื้อโอไมครอนแม้แต่รายเดียว ในขณะที่หลายสิบประเทศ ประสบปัญหา จังหวะนี้ ผู้นำประเทศ ผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชนจะต้องร่วมกันวางแผน คนไทยก็ต้องให้ความร่วมมือเต็มกำลัง

การพลิกฟื้นเศรษฐกิจเป็นหัวใจสำคัญ เมื่อเกิดการแพร่ระบาดจุดหักเหคือมาตรการล็อกดาวน์ เห็นได้จากการที่สหรัฐยืนยันไม่ล็อกดาวน์ ตลาดเงินตลาดทุนและสินค้าโภคภัณฑ์ตอบรับในเชิงบวก จากที่ดิ่งลงก็ผงกหัวขึ้นได้ทันที เราต้องนำมาปรับใช้และยึดวิกฤติโอไมครอนเป็นโอกาสให้ได้ และต้องได้ก่อนชาติอื่น ในงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2022 จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. น่าสนใจอย่างยิ่ง เวทีนักเศรษฐศาสตร์ในงานดังกล่าวมองว่าตั้งแต่ไทยเปิดประเทศ 1 พ.ย.เป็นต้นมา เศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว คาดการณ์ว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องถึงปีหน้า 

แต่วันนี้ ต้องจับตาโอไมครอน ที่อาจจะเป็น Game Changer หรือจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทย เป็นความเสี่ยงใหม่ ให้กับเศรษฐกิจโลก เราเห็นด้วยกับนักเศรษฐศาสตร์ที่แนะนำให้ผู้บริหารประเทศเร่งทำความเข้าใจและใช้โอกาสในขณะที่หลายพื้นที่ของโลก ยังตื่นตระหนก บางแห่งยังฉีดวัคซีนได้ต่ำกว่าประเทศไทย ต้องรีบวางยุทธศาสตร์ภาพใหญ่

นอกจากเดินหน้าฉีดวัคซีนและปรับมาตรการเปิดประเทศใหม่แล้ว การแก้ไขปัญหาระยะยาวเป็นสิ่งจำเป็น จากนี้ไปการท่องเที่ยวอาจไม่เหมือนเดิม รัฐต้องวางแผนดึงเงินและการลงทุนเข้าประเทศ การบูมพื้นที่อีอีซี และไม่ลืมแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง การแก้ระเบียบและกฎหมายที่ซับซ้อน เป็นสิ่งจำเป็นและต้องทำทันที