กลยุทธ์การลงทุน ธันวาคม 2564: เข้าซื้อสะสมในช่วงที่ตลาดผันผวน
พอร์ตหุ้นเดือนพฤศจิกายนลดลง 5.9% underperform ตลาดหุ้นไทยที่ลดลงเพียง 1.9% ในเดือนพฤศจิกายน ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าที่เราคาดเอาไว้
โดยดัชนี SET ขยับขึ้นแบบ sideways up เกือบตลอดเดือน ก่อนที่รายงานข่าวเรื่อง COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ 'Omicron' และความกังวลเกี่ยวกับท่าทีที่ hawkish มากขึ้นของ Fed จะเข้ามากระทบกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในช่วงสองสามวันสุดท้ายของเดือน ปัจจัยลบดังกล่าวมีน้ำหนักมากกว่ากระแสข่าวบวกในประเทศ อย่างเช่น การผ่อนคลายมาตรการทางสังคมอย่างต่อเนื่อง, การกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และการปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปี 2564 อีกเล็กน้อย พอร์ตหุ้นของเราลดลง 5.9% ในเดือนพฤศจิกายน โดยหุ้นธนาคารใหญ่อย่าง KBANK* และ BBL* ขยับลดลง 6.4% และ 6.9% ตามลำดับ เนื่องจากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกในช่วงปลายเดือน ส่วน SPRC* ร่วงแรงถึง 12.9% จากการที่ราคาน้ำมันดิบลดลงแรงเกินคาดหลังปรากฏข่าวการระบาดของสายพันธุ์ Omicron ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2564 พอร์ตหุ้นของเราให้อัตราผลตอบแทนสะสม 11.8% ดีกว่าดัชนี SET ที่ขยับเพิ่มขึ้น 9.9%
มุมมองตลาดเดือนธันวาคม: ความไม่แน่นอนของ COVID-19 ที่กลับมาอีกระลอกจะทำให้ตลาดผันผวน แต่เรามองว่าราคาหุ้นมี downside จำกัด
เรามองว่าความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากสองปัจจัยสำคัญ ได้แก่ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron และแนวโน้มนโยบายการเงินโลก จะส่งผลให้ตลาดผันผวนในระดับสูงต่อไป เราคิดว่ากระแสข่าวเกี่ยวกับสายพันธุ์ Omicron จะกดดันภาวะตลาดหนักขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากมีรายงานว่าหลายประเทศ พบผู้ติดเชื้อ Omicron แล้ว และกลับมาใช้มาตรการทางสังคมที่เข้มงวดขึ้นอีกครั้ง
สำหรับในประเทศไทย ยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อในขณะนี้ แต่การระบาดของ Omicron อาจจะฉุดให้ตลาดลดลงอีก สำหรับแนวโน้มนโยบายการเงินโลก ทางด้านของ US มีกำหนดประชุมนัดหน้าวันที่ 14-15 ธันวาคม ในขณะที่ ECB มีกำหนดประชุมวันที่ 16 ธันวาคม เราคิดว่าธนาคารกลางทั้งสองแห่งจะประเมินความเสี่ยงของสายพันธุ์ Omicron และให้แนวทางที่จะทยอยลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ลง ทั้งนี้ เราคิดว่าตลาดจะติดตาม dot-plot จากกรรมการ FOMC อย่างใกล้ชิดในเดือนนี้ ในขณะเดียวกัน เราได้ทำการวิเคราะห์ earnings yield gap และประเมินว่า downside ดัชนี SET จะอยู่ที่ 1,566 จุด และในกรณีเลวร้ายที่สุดซึ่งพบการติดเชื้อ Omicron ในประเทศจะอยู่ที่ 1,516 จุด
ธีมหุ้นเดือนธันวาคม: ใช้กลยุทธ์ barbell ระหว่างหุ้น defensive กับหุ้น market play ที่ถูกเทขายหนักเนื่องจากยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนในตลาดอีกสองสามปัจจัย และคาดว่าตลาดจะผันผวนหนัก เราจึงแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์ barbell โดย i) ถือหุ้น defensive ที่มีมูลค่าตลาดสูง (large-cap) และจะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาใหม่ โดยเราเชื่อว่ารัฐบาลจะออกแพ็คเกจใหม่ออกมาอีกอย่างเช่น ช้อปช่วยชาติ ใน 1Q65 ii) หุ้น market play ที่ถูกเทขายหนัก และมีประเด็นการเติบโตในระยะยาวอย่างเช่นกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ ธีมสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งธีมที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนในช่วงหลัง ๆ และหลายบริษัทที่ขยายธุรกิจมายังสินทรัพย์ประเภทนี้น่าจะได้รับความสนใจจากตลาด โดยรวมแล้ว หุ้นเด่นในเดือนธันวาคมของเราได้แก่ ADVANC*, LH*, BBL*, KBANK*, COM7*, HMPRO* และ JMART*