NER ปี65 ทุ่ม240ล้าน รุกผลิตภัณฑ์ยางสำเร็จรูป
“เอ็นอีอาร์” เผยปีหน้าตั้งงบลงทุน 240 ล้านบาท รุกผลิตภัณฑ์ยางสำเร็จรูป ผลักดันรายได้เติบโตแตะ 2.8 หมื่นล้านบาท ปริมาณยอดขาย 5.1 แสนตัน และมองแนวโน้มราคายางพารายังอยู่ระดับสูงต่อเนื่อง
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2565 แตะ 28,000 ล้านบาท และมีปริมาณยอดขาย 510,000 ตัน จากปีนี้คาดรายได้ 24,000 ล้านบาท และปริมาณยอดขาย 440,000 ตัน
เนื่องจากความต้องการ (ดีมานด์) ลูกค้าที่มีจำนวนมาก โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ส่งออก 40% และในประเทศ 60% ถือเป็นสัดส่วนรายได้ที่เหมาะสมเพื่อสอดรับกับภาวะอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน และมองว่ารัฐบาลน่าจะรับมือการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ คาดว่าจะไม่กระทบต่อธุรกิจในปีหน้า
สำหรับ กลยุทธ์สร้างการเติบโตในปี 2565 มุ่งขยายธุรกิจปลายน้ำหรือผลิตภัณฑ์ยางพาราสำเร็จรูปเป็นหลัก คาดจะช่วยเพิ่มมูลค่าสร้างการเติบโตเป็นอย่างดีในปี 2566 เป็นต้นไป หลังบริษัทได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในปีนี้มูลค่า 100 ล้านบาท เพื่อวิจัยและพัฒนาสูตรต่างๆออกมากและการพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อออกสู่ตลาด คาดศูนย์ดังกล่าวเปิดดำเนินการเดือนเม.ย.65
โดยปี 2565 บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 240 ล้านบาท เป็นการลงทุนวิจัยพัฒนา (R&D) จำนวน 100 ล้านบาท รองรับแผนการขายธุรกิจปลายน้ำและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
นอกจากนี้ ยังการลงทุนทางด้านโรงไฟฟ้า จำนวน 100 ล้านบาท ขยายโซลาร์เซลล์กำลังผลิต 5 เมะวัตต์ เดิมมีไบโอแก๊ส 4 เมกะวัตต์ รวม 9 เมกะวัตต์ เพียงพอใช้ในโรงงานผลิตทดแทนการซื้อไฟจากภายนอก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และการลงทุนเทคโนโลยีโรบอท (AI) จำนวน 40 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เพิ่มประเสิทธิภาพการผลิตในบางแผนก ลดต้นทุนการใช้แรงงานคน เร่งกำลังการผลิตเร็วขึ้นในปีหน้า
สำหรับ แผ่นปูรองนอนวัวยังโตตั้งเป้าหมาย 5 ปี (ปี 2565-2569) ในปี 65 จะมีปริมาณการขาย 280,500 แผ่น และรายได้รวม 503.92 ล้านบาท ในปี 66 ปริมาณการขาย 565,000 แผ่น และรายได้รวม 1,017.25 ล้านบาท ปี 67 ปริมาณการขาย 675,600 แผ่น และรายได้รวม 1,217.22 ล้านบาท ในปี 68 ปริมาณการขขาย 778,000 แผ่น และรายได้รวม 1,471.36 ล้านบาท และในปี 69 ปริมาณการขาย 896,000 แผ่น และรายได้รวม 1,694.42 ล้านบาท
ขณะที่ ภาพรวมอุตสาหกรรมปี 65 มีปัจจัยหนุนความต้องการใช้ยางพาราทั่วโลกโต หลังอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้น รวมทั้งแนวโน้มราคายางพาราปีหน้ายังไม่เห็นสัญญาณเป็นขาลง สะท้อนผ่านราคายางพาราเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 65-67 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าราคาจะอยู่ในระดับดังกล่าวต่อเนื่อง ยกเว้นจะมีเหตุการณ์น้ำท่วมมีโอกาสเห็นราคายางพาราแตะ 70 บาท