CRC ซื้อหุ้น Grab รับกำไรพิเศษแลกหุ้นบริษัทแม่กลางปี 65
“เซ็นทรัล รีเทลฯ” ปิดดีลใหญ่ซื้อหุ้น “แกร็บ” 4.5 พันล้าน คาดเสร็จ ธ.ค.64 หวังต่อยอดธุรกิจค้าปลีกดิจิทัล “บล.กสิกรไทย” ชี้ มูลค่าลงทุนต่ำกว่า กำไรของแกร็ป จ่อบุ๊คกำไรทันที 100 ล้าน
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วานนี้ (2 ธ.ค.) ว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. OAL Holding Limited (OAL) ได้ใช้สิทธิขายคืนหุ้น Porto Worldwide Limited (Porto WW) จำนวน 133,545,740 หุ้น คิดเป็น 67% ในราคาที่ตกลงกันไว้ตามสัญญาซื้อขายหุ้น ลงวันที่ 1 ธ.ค.2562 ให้แก่ Hillborough Group ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
โดย Porto WW ประกอบธุรกิจเป็นผู้ลงทุนใน บริษัท แกร็บแท็กซี่ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) สัดส่วน 40% ซึ่งการลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะเสร็จในเดือน ธ.ค.2564 มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 4,500 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัท และวงเงินสินเชื่อจากธนาคาร
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้น Grab ประเทศไทย ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ซูเปอร์แอพของอาเซียน ผ่านการเข้าซื้อหุ้น Porto WW สัดส่วน 67% ซึ่งลงทุนในแกร็บแท็กซี่ฯ การปิดดีลในครั้งนี้ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญเพื่อต่อยอดให้ CRC เป็นค้าปลีกดิจิทัล (Digital Retail) ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของประเทศไทย และตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
นอกจากนี้ CRC จะได้ประโยชน์ในการลงทุนเพิ่มจากสิทธิในการแลกหุ้นแกร็บแท็กซี่ฯ ไปเป็นหุ้นของ Grab Holdings Limited (GHL) บริษัทแม่ของ Grab ที่จะทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) ประเทศสหรัฐ ในวันนี้ (3 ธ.ค.) ตามเวลาประเทศไทย โดยมูลค่าหุ้น GHL ณ ราคาไอพีโอ (10 ดอลลาร์) ที่ Porto WW จะถือ หากใช้สิทธิ์แลกหุ้น คิดเป็นประมาณ 14,000 ล้านบาท
นางสาวธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายหลังการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ฝ่ายวิจัยมองดีลการลงทุนใน Grab จะส่งผลบวกต่อ CRC ทั้งในแง่การต่อยอดธุรกิจ (Synergy) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจค้าปลีก รวมถึงการต่อยอดไปยังค้าปลีกดิจิทัล คาดว่าดีลดังกล่าวจะทำให้ความสัมพันธ์ทางธุรกิจแน่นแฟ้นมากขึ้น
ขณะที่ผลบวกในแง่การเงิน คาดว่า CRC จะรับรู้กำไรพิเศษครั้งเดียวจากการลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2565 โดยเป็นส่วนต่างกำไรระหว่างงบลงทุน 4,500 ล้านบาท และกำไรของ Grab ที่รับรู้เข้ามาในงบการเงิน ถัดมาคือกำไรตามสัดส่วนการลงทุน ซึ่งจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2565 เป็นต้นไป และกำไรพิเศษที่คาดว่าจะเกิดภายหลังแลกหุ้น GHL ตามสัดส่วนที่ CRC ถือ 26-28% ซึ่งยังประเมินเป็นเม็ดเงินลำบาก เพราะขึ้นอยู่กับราคาหุ้นในตลาด คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือกลางปี 2565
สำหรับการลงทุน แนะนำทยอยสะสม แม้คาดการณ์กำไรปี 2564 จะออกมาขาดทุน 1,500 ล้านบาท และถูกกดดันจากความกังวลโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่คาดว่าจะเป็นปัจจัยกดดันในช่วงสั้น อีกทั้งราคาหุ้นปรับลงสะท้อนความกังวลไปแล้ว นอกจากนี้ คาดว่าในปี 2565 บริษัทฯ จะพลิกกำไร 3,600 ล้านบาท จากกำลังซื้อในประเทศและต่างประเทศที่กลับมา และมีอัพไซด์ของกำไรจากการใช้สิทธิแลกหุ้น ให้ราคาเหมาะสม 40 บาทต่อหุ้น