ตลาดผ่อนคลายช่วงสั้น หุ้นกลุ่มเปิดเมืองมีแนวโน้มฟื้นตัว

ตลาดผ่อนคลายช่วงสั้น หุ้นกลุ่มเปิดเมืองมีแนวโน้มฟื้นตัว

ตลาดกังวลความเสี่ยงเรื่อง Omicron ลดลง นักลงทุนทยอยลดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 "โอมิครอน" หลังไม่พบหลักฐานการป่วยที่รุนแรงหรือเสียชีวิต

แม้วัคซีนในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพที่ลดลง ส่งผลให้เกิดการ rotate เม็ดเงินจากหุ้นกลุ่มเติบโตเข้าซื้อกลับในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ (reopening plays) และกลุ่ม value plays ในระยะสั้น ขณะที่ ราคาน้ำมันผันผวนแรงหลังการประชุมโอเปก โดยราคาน้ำมันปรับลงแรงหลังกลุ่มโอเปกมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 4 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน ม.ค.65 ซึ่งสวนทางคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ ก่อนฟื้นตัวกลับสู่จุดเดิมจากความกังวลโอไมครอนที่ลดลง

แม้ว่าตลาดจะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องความรุนแรงของโควิดสายพันธุ์ใหม่ แต่ตราบใดที่เรายังไม่พบเคสการติดเชื้อที่รุนแรงตลาดจะเริ่มให้ความสนใจต่อตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลง ทั้งนี้กระบวนการตรวจสอบทางคลีนิคและผลทดสอบในห้องทดลอง รวมถึงการติดตามผลการรักษาทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ทำให้คาดว่าในสัปดาห์หน้า (6-10 ธ.ค.) จะเริ่มเห็นรายงานที่เกี่ยวข้องที่จะเป็นปัจจัยกำหนดแนวทางในการรับมือ และกลยุทธ์ที่แต่ละประเทศจะใช้ในการควบคุมการระบาด ซึ่งในเบื้องต้นเราประเมินจะไม่กระทบต่อแนวทางเปิดเมืองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน แต่อาจจะกระทบกับการเปิดประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดที่ไม่จำเป็น เราประเมินแนวรับของดัชนีที่ 1,550-1,570 จุด (16.5x PER) และกรณีแย่ที่ 1,520 จุด 
 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 4) หุ้นบริโภคในประเทศ CPN, CRC, CPALL,  MAKRO 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 8) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW 

ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพระยะสั้นเป็นบวกมากขึ้นจากความกังวลโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ลดลง มองผลกระทบจำกัดต่อหุ้นในธีมเปิดเมือง การปรับลงเป็นโอกาสเลือกซื้อ //หุ้นแนะนำ: FORTH*, EA*, CPN*, RAM*

แนวรับ: 1,550-1,570 / แนวต้าน : 1,585-1,600 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

โอเปคพลัสยึดมั่นข้อตกลงปัจจุบัน – โอเปคพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงปัจจุบันในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในม.ค.65 แม้ถูกกดดันจากสหรัฐ

รมว.คลังย้ำมีเงินพอสู้โอมิครอน - รมว.คลัง ยืนยันมีเม็ดเงินเพียงพอสู้โควิดโอมิครอน พร้อมโยกเงินพ.ร.ก.เงินกู้มาใช้หากจำเป็น มั่นใจจีดีพีปีนี้โต 1% ด้านปี 65 คาดโต 4% แย้มกำลังหารือทุกฝ่ายเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล หลังราคาผันผวนสูง

เลื่อนเปิดผับ-บาร์ อีกเดือน พร้อมยันไม่ปิดประเทศ – นายกแจงเตรียมเลื่อนเปิดผับบาร์คาราโอเกะออกอีก 1เดือน พร้อมชี้แจงคาดมีนโยบายเยียวยาตามมา

จ่อเยียวยา 5 พันต่อราย คนกลางคืน-อาชีพอิสระ – อาชีพกลางคืน-อิสระคาดรมว.แรงงานมีธงเยียวยา 5 พันบาทต่อคน พร้อมชงโมเดลช่วยลูกจ้างในระบบม.33 อาจได้ 2 เด้งจากสปส.-รัฐบาล อีกทั้งส.ส.พท.คาดมีเงินเยียวยาอาชีพกลางคืน

 

ประเด็นติดตาม: - 9 ธ.ค. – TH Consumer confidence, 17 ธ.ค. – FTSE Rebalancing Effective date

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)