TRV-HL "2ไอพีโอ" ไม่สน “โอไมครอน” ป่วน ! เทรดวันแรกกำไร 50-100%
ริมถนนนักลงทุน เสิร์ฟความเคลื่อนไหวแวดวงตลาดหุ้น หนึ่งความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ยกให้ บรรยากาศลงทุน “ตลาดหุ้นไทย” ตกอยู่ในอาการผันผวนหนัก หลัง “ไวรัสโอไมครอน” เข้ามาเขย่าหุ้นไทย แต่ในร้ายก็มีดี หลัง 2 ไอพีโอน้องใหม่ “TRV-HL” สร้าง “กำไร” ให้นักลงทุนยิ้มได้ !
๐ บรรยากาศ “ตลาดหุ้นไทย” ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คงต้องบอกว่า “ผันผวนหนักจริง” สะท้อนผ่านดัชนี SET INDEX ที่เปิดตลาดเช้าบวกตกบ่ายพลิกร่วง ! เรียกว่านักลงทุนกล้าๆ กลัวๆ หลังไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ใหม่เข้ามา “เขย่าตลาดหุ้น” และองค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งสมญานามว่า “โอไมครอน” (Omicron) ถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ “อันตราย” มาสร้างความเปราะบางให้ทั่วโลกกังวลอีกครั้ง ดังนั้น คงไม่แปลกที่จะเห็นภาพสินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวนหลังความไม่ชัดเจนปกคุม !
๐ แม้ว่าตลาดหุ้นไทยโดนโอไมครอนเขย่าหนักในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าช่วงปลายสัปดาห์มี “2 หุ้นไอพีโอ” เข้าระดมทุน บมจ.ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ หรือ TRV เข้าซื้อขายวันแรก (2 ธ.ค.) เปิดเทรดราคาอยู่ที่ 4.72 บาท เพิ่มขึ้น 105% สูงกว่าราคา IPO ที่ 2.30 บาทต่อหุ้น
๐ และ บมจ. เฮลท์ลีด หรือ HL ซื้อขายวันแรก (3 ธ.ค.) ราคาเปิด 15.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.70 บาท หรือ 58.16% จากราคาไอพีโอ 9.80 บาท แบบไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวังหากขายหุ้นในวันแรก หลังเทรดวันแรก “กำไร” เข้ากระเป๋าไม่เบา
๐ “ธัชพล ชลวัฒนสกุล” นายใหญ่ บมจ. เฮลท์ลีด หรือ HL บอกว่า เป้าการเติบโตหลังเข้าระดมทุนในปีหน้า และในอนาคตจะรักษาการเติบโตของรายได้ไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี เหมือนในอดีตที่ผ่านมา เป็นการโตจากรายได้ทั้งหมด และยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และตามแผนของบริษัท เฮลทิเนส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ที่คิดค้นเองอีกกว่า 10 SKU จากปัจจุบันมีอยู่ 30 SKU ซึ่งจะหนุนให้ “อัตรากำไรขั้นต้น” รวมสูงขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ที่เป็นของตัวเองจะมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่า 40% และตามแผนก็จะไปวางขายในต่างประเทศ
ธัชพล ชลวัฒนสกุล
๐ ฟาก “กูรู” อย่าง บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส เผยในบทวิเคราะห์ ว่า “หุ้น HL” เป็น Chain ร้านขายยาบริษัทแรกในตลาดหุ้น ปัจจุบันมีเพียง 25 สาขาทำให้ยังเติบโตได้อีกมาก และยากสำหรับการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่เพราะมีกฎระเบียบเข้มงวดในทุกการดำเนินงาน และต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย และหนึ่งใน “จุดแข็ง” คือ เป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและไม่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง คาดกำไรสุทธิปี 2564-2566 เติบโตสูงถึง 36% CAGR และประเมินราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 15 บาท
๐ เคาะราคาขายเรียบร้อยแล้ว สำหรับ บมจ.สยามแม็คโคร หรือ MAKRO ของกลุ่มเครือซีพี ที่เปิดราคาเสนอขายหุ้น PO ที่ 43.50 บาทต่อหุ้น !! โดยผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิและนักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 4-9 ธ.ค. 2564 นี้ หลังจากได้เงินระดมทุนแล้ว แผนยุทธศาสตร์ของบริษัทพร้อมออกมาโลดแล่นทั้ง “ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก” ที่จะเติบโตในระดับภูมิภาค พร้อมกับการพัฒนาแพลตฟอร์ม O2O รับยุคดิจิทัล !!
๐ คงเป็นอีกหนึ่งดีลใหญ่ของ บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC ผู้นำค้าปลีกและแพลตฟอร์มออมนิแชนเนลอันดับ 1 ของประเทศไทย ขยับตัวอีกครั้ง !! หลังประกาศปิดดีลใหญ่ เข้าซื้อหุ้น Grab ประเทศไทย ซึ่งเป็นเบอร์ 1 Superapp ของอาเซียน ด้วยเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท โดยได้เข้าซื้อหุ้น Porto Worldwide Limited (Porto WW) ในสัดส่วน 67% ซึ่งลงทุนในแกร็บแท็กซี่ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด หวังต่อจิ๊กซอว์เป็น “Digital Retail” (ดิจิทัลรีเทล) ที่สมบูรณ์แบบสุดในไทย สามารถตอบโจทย์ลูกค้าแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางในอนาคต