“สุริยะ” ปลื้มอุตฯ ยานยนต์สัญญาณเติบโตฟื้น คาดปี 65 ผลิตได้ 1.7 ล้านคัน

“สุริยะ” ปลื้มอุตฯ ยานยนต์สัญญาณเติบโตฟื้น คาดปี 65 ผลิตได้ 1.7 ล้านคัน

“สุริยะ” ปลื้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากตลาดในประเทศ การส่งออก และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 2564 ผลิตขยายตัว 15% และปี 2565 คาดว่าจะแตะ1.7 ล้านคัน เผยเอกชนรายใหญ่เพิ่มลงทุน 28,000 ล้านบาท ผลักดันยานยนสมัยใหม่

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกทำให้การผลิตชะลอตัว นักลงทุนจึงมีการทบทวนแผนการลงทุน และปรับแผนการผลิตในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีค่ายรถยนต์หลายบริษัทหันมาให้ความสนใจเพิ่มการลงทุนในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนในประเทศไทย และนโยบายของรัฐบาล

โดยกระทรวงอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) ของประเทศ

ทั้งนี้ การผลิตยานยนต์ในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดในประเทศ และตลาดส่งออกฟื้นตัว มีแนวโน้มขยายตัวที่ดี คาดว่า การผลิตในปี 2564 รวม 1.6 ล้านคัน ขยายตัว 15% และปี 2565 คาดว่า การผลิตจะขยายตัวอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน 

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมี่ผ่านมา บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 900 ดอลลาร์ หรือประมาณ 28,000 ล้านบาท ในการยกระดับกระบวนการผลิตในโรงงานด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและเพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรม เพื่อรองรับการผลิตรถกระบะ Ford Ranger และรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ Ford Everest เจเนอเรชั่นใหม่ สำหรับจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปตลาดสำคัญทั่วโลก

โดยการลงทุนเพิ่มครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนในประเทศไทยครั้งใหญ่ในรอบ 25 ปี ส่งผลให้บริษัท ฟอร์ดฯ เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย มีมูลค่าการลงทุนสะสมกว่า 3,400 ดอลลาร์หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท 

“การลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีและเพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมาใช้ในส่วนของการผลิตของโรงงานประกอบรถยนต์ทั้ง 2 แห่ง สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสายการผลิตไปสู่ Industry 4.0 ทำให้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย

รวมทั้ง มีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม S-Curve โ ดยมีเป้าหมายยกระดับการผลิตภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตและใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของอาเซียนภายในปี 2569 อีกด้วย” นายสุริยะกล่าว