‘เอ็มบีเค’ระดมแม่เหล็กดังดึงลูกค้าเล็งต่อจิ๊กซอว์อาณาจักรย่านติวานนท์

‘เอ็มบีเค’ระดมแม่เหล็กดังดึงลูกค้าเล็งต่อจิ๊กซอว์อาณาจักรย่านติวานนท์

ศูนย์การค้าร้านค้าปลีกเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ต้องปรับกลยุทธ์ตลอดเวลา“เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์" ใช้โอกาสในห้วงวิกฤติเร่งเสริมความแกร่งรอบด้าน ทั้งการปรับพื้นที่ พลิกโฉมบริการและดึงดูดแม่เหล็กใหม่รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไป

สมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  นับเป็นความท้าทายในการขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางวิกฤติ แต่มองว่ามีโอกาสเสมอ! 

หลังเกิดโควิดคนให้ความสำคัญเรื่องอาหารการกินเพื่อความอยู่รอดชีวิตประจำวัน จึงมั่นใจว่าอาหารจะเป็น"หัวหอก"สำคัญในการนำธุรกิจให้เติบโต ส่วนแฟชั่นเป็นตัวรอง จึงผลักดันให้สัดส่วนอาหารในเอ็มบีเคเพิ่มขึ้น

“ทุกวันนี้คนอยากออกจากบ้านไปแฮงเอาท์มาขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านในรูปแบบอเมริกันแชร์ ส่วนเรื่องแฟชั่นเสื้อผ้าไว้ทีหลังยังใส่ของเก่าได้ ยังไม่ซื้อ ส่วนหนึ่งเพราะเงินเดือนลดลง”

‘เอ็มบีเค’ระดมแม่เหล็กดังดึงลูกค้าเล็งต่อจิ๊กซอว์อาณาจักรย่านติวานนท์

ที่ผ่านมา ได้ลงทุนกว่า 500 ล้านบาทในการปรับโฉม “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” มุ่งขยายฐานลูกค้าชาวไทย เพราะกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามายังมีจำนวนน้อยและเป็นนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่นิยมเดินทางเป็นกลุ่มด้วยตัวเอง หรือ FIT (Free and Independent Traveler) ที่นิยมสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าหลักของศูนย์การค้า

อย่างไรก็ดี ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบอร์ดบริษัทอนุมัติงบพิเศษใช้สำหรับการร่วมทุนกับ “ธุรกิจร้านอาหาร” ที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารจีน ก๋วยเตี๋ยว สเต็ก สตรีทฟู้ด ที่การันตีความอร่อยระดับมิชลิน แบรนด์เก่าแก่ในต่างจังหวัด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้และเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้ามาในศูนย์การค้าเพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“แนวคิดนี้เพิ่งได้รับอนุมัติจากบอร์ดในไตรมาส 4 นี้ ซึ่งจุดแข็งของเอ็มบีเค คือเรื่องการเงินคาดว่า ปีหน้าจะร่วมทุน 4 แบรนด์ดังจากต่างจังหวัดนำร่องสร้างธุรกิจใหม่ที่เข้ามาในศูนย์การค้าในเครือข่ายเอ็มบีเคที่มีอยู่ 5 แห่ง เฉลี่ยเปิดตัวไตรมาสละแบรนด์ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา ต้องเป็นแบรนด์ที่ไม่มีอยู่ในปั๊มน้ำมัน แต่เป็นแบรนด์ที่คนรู้จัก ถูกรีวิวเยอะ ที่ผ่านมาเราสนใจร้านอาหารหลายแบรนด์แต่ช้ากว่าคนอื่นทำให้พลาดโอกาสร่วมทุนไปให้คนอื่น”

นอกจากนี้ ยังได้ปรับโมเดลจัดเก็บรายได้เป็นแบบ GP หรือ ส่วนแบ่งจากยอดขาย เพื่อเป็นค่าดำเนินการ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ทางร้านค้าปลีกได้ตกลงร่วมกับผู้ประกอบการไว้เพื่อสร้างความมั่นใจร้านอาหารที่เข้ามาเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวน

สำหรับการปรับพื้นที่ที่ผ่านมา บริเวณชั้น 1 และ 2 เน้นอาหารและเครื่องดื่มเป็นตัวนำ ไฮไลท์จะเป็น “โซนแฮงเอ้าท์” เชื่อมต่อลานสกายวอล์ก รองรับกลุ่มลูกค้าคนไทยหลังเลิกงาน สามารถกินดื่มได้ตามหลักกฏหมายกำหนด 

“จะมีร้านดังในอดีตเมื่อ 20 ปีอย่างทอรัสผับยุคปี 90, Cat on the Roof เป็นแม่เหล็กดึงลูกค้าใช้บริการได้ถึงตี1-ตี2 ต่อด้วยร้านสุกี้ตี๋น้อยถึงตี 5 สามารถรองกลุ่มนักท่องเที่ยวได้”

‘เอ็มบีเค’ระดมแม่เหล็กดังดึงลูกค้าเล็งต่อจิ๊กซอว์อาณาจักรย่านติวานนท์ ขณะที่ แม่เหล็กใหม่อย่าง ร้านดองกิ เตรียมเปิดบริการ 21 ธ.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น. พร้อมอีกหลายร้านที่กำลังจะทยอยเปิดอย่างต่อเนื่องจนถึงในปี 2565 เช่น Oppa Daek, ลิ้มเหล่าโหงว, Hunter Village ฯลฯ
 

ส่วนชั้น 3 เป็นพื้นที่รองรับชาวต่างชาติที่จะกลับมา! ในอนาคต รวมทั้งคนไทยเสมือนเป็นตลาดนัดติดแอร์ ที่มีสินค้าแฟชั่นราคาไม่แพงชั้น 4 จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ สินค้าไอทีต่างๆ มีพันธมิตรเสริมทัพสร้างสีสัน ชั้น 5 เป็นศูนย์ทำหนังสือเดินทาง ชั้น 6 เป็นโซนออฟฟิศและชั้น 7 มีโรงหนัง คาดว่า ไตรมาส 2 ปีหน้า  อัตราการเช่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 96% จาก 76% ในปัจจุบัน

พร้อมกันนี้ อยู่ระหว่างรอต่อสัญญา “พาราไดซ์ พาร์ค” ที่จะหมดสัญญาเดือน ก.ค.2566 หากได้ต่อสัญญามีแผนปรับปรุงครั้งใหญ่เน้นเรื่องอาหารและเวลเนส รองรับฐานลูกค้ากลุ่มครอบครัวและผู้สูงวัยที่มีกำลังซื้อ ต้องการดูแลสุขภาพ

‘เอ็มบีเค’ระดมแม่เหล็กดังดึงลูกค้าเล็งต่อจิ๊กซอว์อาณาจักรย่านติวานนท์

ล่าสุด บริษัทยังได้ขยายธุรกิจปักธงทำเลทองไปถึงฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ภายใต้โครงการ “เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์” โมเดิร์น ไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้มอลล์ บนพื้นที่กว่า 30,000 ตร.ม. ใกล้สนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ และสนามกอล์ฟบางกอก กอล์ฟ คลับ

“เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ จะเป็นอาณาจักรแห่งการช้อปปิ้งที่เป็นแม่เหล็กดึงดูด กลุ่มลูกค้าและผู้อาศัยในย่านนั้นแน่นอน”

ปัจจุบัน บริษัทได้ย้ายพนักงานแอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) บริษัทในเครือเอ็ม บี เค ย่านบางนา ซึ่งเป็นศูนย์ประมูลรถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสองครบวงจร เข้าไปอยู่ในอาณาจักร “ริเวอร์เดล” ย่านติวานนท์ ที่มีพื้นที่ 1,500 ไร่ ประกอบด้วย สนามกอล์ฟริเวอร์เดล สนามกอล์ฟ บางกอกซิตี้ คลับ 2 สนามกอล์ฟ พื้นที่รวม 800 ไร่ โครงการบ้านเดี่ยว พาร์ค ริเวอร์เดล ราคา 7-15 ล้านบาท พื้นที่รวม 120 ไร่ โรงแรมทินิดี แอท บางกอก กอล์ฟ และโครงการบ้านหรูลักซ์ชัวรี่ “เดอะ ริเวอร์เดล เรสซิเดนท์” พื้นที่ 150 ไร่ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 59-109 ล้านบาท 

เป็นบิ๊กสเต็ปที่สำคัญในการสร้างคอมมูนิตี้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจครบวงจรในอนาคตที่มีแผนสร้าง “ท่าเรือมารีน่า” อีกด้วย