ท่องเที่ยวฯเล็งโยกงบ "ทัวร์เที่ยวไทย" กระตุ้น "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4" ปี 65
กระทรวงท่องเที่ยวฯ เตรียมคืนงบ “ทัวร์เที่ยวไทย” เฉียด 5 พันล้าน หลังยอดฝืด ถก “สภาพัฒน์” นำงบโปะ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4” เพิ่มสิทธิใหม่กระตุ้นไทยเที่ยวไทยปี 65
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมคืนงบประมาณที่เหลือจากโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” เกือบ 5,000 ล้านบาทให้รัฐบาล หลังดำเนินโครงการแล้วไม่ได้รับความสนใจ โดยสถิติเมื่อ 14 ธ.ค.2564 มีนักท่องเที่ยวในประเทศเข้าร่วมโครงการ 6,635 คน เดินทางท่องเที่ยวแล้ว 6,289 คน คิดเป็นเงินที่รัฐบาลสนับสนุน 27.7 ล้านบาท
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงเตรียมหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่า หากคืนเงินดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดโครงการทัวร์เที่ยวไทยเดือน ม.ค.2565 แล้วนำเงินจำนวนนี้มาเพิ่มจำนวนสิทธิ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4” ได้หรือไม่ จากเดิมจะขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ธ.ค.นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จำนวน 2 ล้านสิทธิ (ห้อง) ล็อตใหม่
“เดิมจะขอ ครม.อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 วงเงิน 1.32 หมื่นล้านบาท 2 ล้านสิทธิ (ห้อง) แต่หากคืนเงินโครงการทัวร์เที่ยวไทยที่เหลือเกือบ 5,000 ล้านบาท จำนวนห้องในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 จะเพิ่มเป็น 2.8-3 ล้านสิทธิ (ห้อง) ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยปีหน้าได้”
เป้าหมายปี 2565 กระทรวงการท่องเที่ยวฯ คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 8-15 ล้านคน สร้างรายได้รวมตลาดในและต่างประเทศ 1.3-1.8 ล้านล้านบาท แต่เป้าหมายนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีการเปิดให้เดินทางระหว่างกัน โดยเฉพาะประเทศไทยกับเพื่อนบ้าน เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย และ ลาว ช่วงไตรมาสแรกปี 2565 เป็นต้นไป และครึ่งหลังของปี 2565 ไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยปี 2562 มีชาวจีนเที่ยวไทยเกือบ 11 ล้านคน
“ผมจะเร่งเจรจากับเอกอัครราชทูตของ 5 ประเทศนี้เพื่อให้เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันได้ ช่วง ม.ค.2565 นายกรัฐมนตรีจะหารือกับทางการมาเลเซีย ในฐานะรัฐบาลจึงขอให้นายกฯ ช่วยเจรจาให้มาเลเซียเปิดพรมแดนให้มีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแต่เชื่อว่าไม่กระทบเป้าหมายการท่องเที่ยว เพราะไทยได้รับการยอมรับว่าจัดการเรื่องสาธารณสุขได้ดีในอันดับต้นๆ ของโลก จึงใช้จุดนี้ดึงดูดและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ”