TNP สิงห์เหนือ (ประจำวันที่ 17 ธันวาคม 2564)
Thanapiriya Public Company Limited (TNP) ดำเนินธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่ใช่อาหารสดภายใต้แบรนด์ “ธนพิริยะ” ณ สิ้นงวด 3Q64 บริษัทมีสาขาทั้งหมด 36 ร้าน (29 ร้านอยู่ในจังหวัดเชียงราย, 5 ร้านอยู่ในจังหวัดพะเยา และอีก 2 ร้านอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่)
ทั้งนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานดีมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา (2558-2563) ด้วยยอดขายโตเฉลี่ย ~11% ในขณะที่กำไรสุทธิโตเฉลี่ย~30% ทั้งนี้ทั้งยอดขายและกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง
มีความเป็นเอกลักษณ์ และ อยู่ในสถานะที่จะสนับสนุนการเติบโตของกำไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
TNP อยู่ในสถานะที่กำไรจะโตได้อย่างแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเนื่องจาก i) ขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ii) สาขาร้านส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ โดยส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งประชากรหนาแน่นเกือบมากที่สุดในภาคเหนือ (103 คน/ตรม.; Figure 5) iii) จับตลาดได้ดีโดยมีร้านค้าชุมชนที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และร่วมโครงการคนละครึ่งเฟสที่3 iv) มีโอกาสจะขยายสาขาได้อีก ทั้งในจังหวัดเดิม (เชียงใหม่ และพะเยา) และจังหวัดใหม่ ๆ (ลำปาง และลำพูน) ด้วยโอกาสที่จะขยายสาขาอีก 73 ร้าน (Figure 12) และ v) ผลการดำเนินงานโดดเด่น สามารถเทียบเคียงได้กับ Modern trade ในตลาด (Figure 15) ได้แก่ ROE ที่ 18%, Asset turnover ที่ 2.1X, และ D/E ที่ 0.3X (เทียบกับ Modern trade ที่ 24%, 1.8X, และ 3.2X ตามลำดับ)
คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่
TNP กำลังเข้าสู่ช่วงการเติบโต และเราคาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 2564-66 ด้วยอัตรา
การเติบโต CAGR ในอีกสามปีข้างหน้าที่ 24% ทั้งนี้ จาก i) ยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง ~11% ต่อ
ปี จากการขยายสาขาร้านอย่างต่อเนื่อง และจับตลาดได้ดี ii) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ~30-40bps ต่อปี
ตามการเติบโตของยอดขาย (เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 1%)
Valuation & action
จากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และ รูปแบบการทำธุรกิจที่มีเอกลักษณ์และสามารถทำกำไรได้
เราจึงประเมินราคาเป้าหมายโดยใช้ PER แบบมี premium ที่ 26.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต +0.5 S.D.) เทียบเท่า
ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม commerce -2.0 S.D. และคิดเป็น PEG ที่ 1.4X (อิงจากประมาณการ EPS ปี 2565) ได้
ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 7.00 บาท เราจึงเริ่มต้นศึกษาหุ้น TNP ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ"
Risks
ภัยธรรมชาติ, การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น, การบริหารสินค้าคงคลัง, การดำเนินงานสะดุด, disruption จาก
เทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงจากการขยายสาขาร้าน และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ