โอมิครอน พ่นพิษทำธุรกิจบริการอังกฤษสูญ 900 ล้านปอนด์
ทูตพาณิชย์อังกฤษ เผย อังกฤษคุมเข้มป้องกันโอไมครอน ทำยอดใช้จ่ายสินค้าช่วงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ ลดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ด้าน CEBE อังกฤษคาดโอไมครอนกระทบรายได้ธุรกิจบริการเดือนธ.ค.สูญ 900 ล้านปอนด์ แนะผู้ประกอบการไทยเร่งใช้ช่องทางออนไลน์เจาะตลาดขายสินค้า
นายประคัลร์ กอดำรงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (Office of National Statistics: ONS) ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 26 พ.ย.-5 ธ.ค.2564 ชาวสหราชอาณาจักรมีการจับจ่ายสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง เทศกาล Black Friday ซึ่งร้านค้าต่างจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า ส่งผลให้ยอดการจับจ่ายสินค้าของชาวสหราชอาณาจักร สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการ ล็อคดาวน์ ในเดือนมี.ค. 2563 ทั้งนี้จากการศึกษา โดย Springboard ยังพบว่า จำนวนผู้บริโภคที่ออกมาจับจ่ายสินค้าในย่านร้านค้า (Retail destination) ในช่วงเวลาดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ถึง 0.7 %
นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ส่งผลให้จำนวนผู้บริโภคที่ออกมาจับจ่ายสินค้าในเมืองใหญ่ลดลง3.8 % ในขณะที่ ในเมืองเล็ก (Market town) กลับมีจำนวนผู้บริโภคที่ออกมาจับจ่ายสินค้าเพิ่มขึ้น 1 % ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภค ส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าในย่านที่พักและไม่เดินทางไกล อีกทั้งการแพร่ระบาดของโอมิครอนยังส่งผลให้ยอดการจับจ่ายของผู้บริโภคในด้านการบริการ เช่น ร้านอาหารลดลง โดยมียอดต่ำที่สุดตั้งแต่มีการคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือน พ.ค. 2564
ทั้งนี้จากที่รัฐบาลได้ประกาศนำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์นี้ได้สร้างความกังวลให้กับธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจท่องเที่ยวและสันทนาการ (Leisure Business) ถึงผลกระทบที่จะมีต่อการค้าเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลาคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งถือได้ ว่า เป็นช่วง 'Golden Quarter' และมีการคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ลดลง 0.4 % ในเดือนธ.ค.2564 และ ลดลง 0.3 % ในเดือนม.ค. 2565 โดยสภาหอการค้าอังกฤษ( British Chamber of Commerce )ได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของสหราชจะอ่อนแอในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565
ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจหรือ the Centre for Economics and Business Research (CEBE )เห็นว่า มาตรการ Workfrom home จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดยปกติต้องเดินทางเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ จะส่งผลต่อยอดการจับจ่ายของผู้บริโภคในเมืองใหญ่ จำนวน 5 เมือง คือ London, Manchester, Newcastle, Nottingham และ Milton Keynes ในช่วงเดือนม.ค. 2565 เป็นมูลค่า 500 ล้านปอนด์ ในขณะเดียวกัน มาตรการสวมหน้ากากอนามัยและการแสดง VaccinePassport ในการเข้าสถานบริการต่างๆจะไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจมากนักเนื่องจากผู้บริโภคและธุรกิจต่างมีการปรับตามมาตรการดังกล่าวตลอดระยะเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19
"CEBE ประเมินว่า จากการแพร่ระบาดของโอมิครอน และ มาตรการข้อจำกัดที่เกี่ยวกับการเดินทาง คาดการณ์ว่าจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมธุรกิจบริการของสหราชอาณาจักร ต้องสูญเสียรายได้ 900 ล้านปอนด์ ในเดือนธ.ค.นี้" นายประคัลร์ กล่าว
นายประคัลร์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโอมิครอน ได้ส่งผลให้รัฐบาลประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มข้นขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคในการออกมาจับจ่ายสินค้าและใช้บริการ โดยมีรายงานว่า ผู้บริโภคได้ยกเลิกการจองร้านอาหารรวมถึงการจองตั๋วโรงละครแล้ว 20 – 50 % อย่างไรก็ดีร้านค้าปลีกได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้บริโภคในการซื้อสินค้าสำหรับเทศกาลคริสต์มาสในช่องทางออนไลน์ สคต. เห็นว่า ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่ต่างปรับตัวและพัฒนานำเพลตฟอร์มสำหรับจำหน่ายสินค้าในช่องทางออนไลน์ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในปี 2563 เป็นต้นมา แต่จากการแพร่ระบาดของโอมิครอนก็จะส่งผลให้มีการซื้อสินค้าและสั่งอาหารทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรพัฒนาเว็บไซต์ให้ทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ รวมทั้ง ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค