พาณิชย์ เผยมาตรการรัฐ-ประกันรายได้ ดันสินค้าเกษตรราคาดี
กรมการค้าภายใน เผยสินค้าเกษตรสำคัญราคาขยับขึ้นต่อเนื่อง ทั้งหัวมันสด ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวเปลือก หลังรัฐออกหลายมาตรการรักษาเสถียรภาพราคา และโครงการประกันรายได้ วอนชาวไร่มัน ชะลอขุดหัวมันออกขาย หวั่นฉุดราคาร่วงถ้าเร่งขุดออกขายพร้อมกันจำนวนมาก
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดโดยเฉพาะสินค้าที่รัฐบาลมีโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปรับตัวดดีขึ้นมาก และขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งมันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวเปลือก โดยมันสำปะหลัง ล่าสุด หัวมันสดอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.45-2.65 บาท หรือเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 2.55 บาท จากก่อนหน้านี้ที่ประมาณ 2.30 บาท ซึ่งเป็นผลจากการที่กรมได้ขอความร่วมมือให้โรงงานผลิตเอธานอล รับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการมันสะอาดกับกระทรวงพาณิชย์ในราคานำตลาดที่กก.ละ 2.70-2.80 บาท
นอกจากนี้ การที่เกษตรกรจำนวนมาก เข้าร่วมโครงการมันสะอาด ที่กำจัดเศษสิ่งสกปรก เช่น เศษดิน เหง้า รากออกก่อนขาย และสับมันก่อนขายโรงงานมันเส้น ก็ทำให้ขายได้ราคาดีขึ้น และในปีนี้ กรมได้รับจัดสรรงบประมาณในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลังให้กับเกษตร เพื่อซื้อเครื่องสับมันให้ 650 เครื่อง อีกทั้งยังเป็นผลจากราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังดีขึ้น โดยราคาส่งออกมันเส้นอยู่ที่กก.ละ 8.69 บาท จากปีก่อนที่ 8.13 บาท ส่วนแป้งมัน อยู่ที่กก.ละ 16.38 บาท จากปีก่อนที่ 14.31 บาท
“ราคามันสำปะหลังปีนี้ ดีแน่นอน เพราะกระทรวงพาณิชย์มีหลายมาตรการรักษาเสถียรภาพราคา อีกทั้งผลผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ คนแย่งกันซื้อ ราคาก็ขยับขึ้น แต่ในช่วงนี้ ผลผลิตออกมากขึ้น ขอให้เกษตรกรชะลอขุดมันออกขาย เพราะถ้าขุดออกมาขายพร้อมกันจำนวนมาก อาจทำให้ราคาลดลงได้ ควรเก็บไว้ขายในช่วงที่ราคาดี ซึ่งกระทรวง มีมาตรการะช่วยเหลือในการเก็บมันไว้รอการขายด้วย”
สำหรับปาล์มน้ำมัน สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลปาล์มสดในแหล่งผลิตสำคัญ ที่กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร อยู่ที่ กก. ละ 9.10-9.40 บาท จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เฉลี่ยกก.ละ 8.50-8.80 บาท ขณะที่น้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) อยู่ที่กก.ละ 46-46.50 บาท ส่วนสต๊อกซีพีโอในประเทศเดือนพ.ย.64 อยู่ที่ 250,000 ตัน จากสต๊อกปกติที่ประมาณ 300,000 ตัน เพราะเป็นช่วงปลายฤดู ผลผลิตออกสู่ตลาดเกือบหมดแล้ว ประกอบกับ ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ทั้งอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขาดแคลนแรงานเก็บปาล์ม ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย แต่ความต้องการยังมีมาก จึงดันราคาให้สูงขึ้น ส่วนน้ำมันปาล์มขวด กรมได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ขายในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุน โดยขณะนี้ ราคาตลาดยังขายขวดละ 51-55 บาท
ส่วนข้าวเปลือก ล่าสุด ข้าวเปลือกเจ้าขยับขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 7,800-8,300 บาท ซึ่งเป็นผลจากหมดหน้าฝน ทำให้เกษตรการตากข้าวไล่ความชื้นก่อนขาย ประกอบกับ กรมได้ดำเนินโครงการจับคู่หมู-ข้าว ระหว่างผู้เลี้ยงหมู ผู้ผลิตอาหารสัตว์ และโรงสี กลุ่มสหกรณ์ ล่าสุด ขายได้แล้ว 98,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 800-1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเบื้องต้นที่ไม่น้อยกว่า 150,000 ตัน ทำให้โรงสี สหกรณ์เร่งรับซื้อจากเกษตรกร จึงผลักดันให้ราคาปรับขึ้นได้ ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาดีมากอยู่ที่กก.ละ 9.60 บาท และจะยืนราคาสูงจนถึงสิ้นฤดูการผลิตนี้
“สินค้าเกษตรหลายรายการขยับขึ้นราคา เป็นผลจากการกำหนดนโยบายในการช่วยเหลือเกษตรกรของภาครัฐ ทั้งโครงการประกันรายได้ มาตรการคู่ขนานในการรักษาเสถียรภาพ รวมถึงโครงการอื่นๆ อีก ทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาดีขึ้น ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ ยังได้ช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยลดราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมี ยากำจัดวัชพืช โรคพืชและแมลงต่างๆ ซึ่งน่าจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงขึ้น” นายวัฒนศักดิ์ กล่าว