ค้าปลีกคาด "ช้อปดีมีคืน" ปลุกเงินสะพัด 4-5 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ

ค้าปลีกคาด "ช้อปดีมีคืน" ปลุกเงินสะพัด 4-5 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย จุดติด “ช้อปดีมีคืน” ปี 2565 ลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 หมื่น ดันเเม็ดเงินหมุนเวียนสะพัด 4-5 หมื่นล้านบาท ปลุกเศรษฐกิจ

ตามที่สมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้ผลักดันโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ร่วมกับภาคเอกชนและนำเสนอภาครัฐ มาโดยตลอด เพราะสมาคมฯ เล็งเห็นว่าการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ (Local Consumption) ถือเป็นกุญแจสำคัญในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยได้โดยทันที

และล่าสุดจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 มีมติเห็นชอบมาตรการของขวัญปีใหม่ 2565 ของกระทรวงการคลัง ซึ่งรวมถึงโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท สำหรับผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในระบบกว่า 3.7 - 4.0 ล้านคน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ผลักดันการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ "ช้อปดีมีคืน" มาโดยตลอด  การเริ่มในต้นปี 2565 ถือเป็นการเริ่มต้นและเป็นกระสุนทางเศรษฐกิจนัดแรกในการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยที่มีประสิทธิภาพ สามารถสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้คนได้ตรงจุด

โครงการดังกล่าวยังเป็นการส่งเสริมมาตรการท่องเที่ยวของรัฐให้เกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท สมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลยังคงดำเนินโครงการนี้เพื่อเป็นกระสุนทางเศรษฐกิจนัดต่อๆ ไปในการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนจากผู้ที่มีกำลังซื้อสูงเพื่อการฟื้นฟูของเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ

 

 

 

"สมาคมฯ ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่รับฟังข้อเสนอของภาคเอกชน และให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยอนุมัติให้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบในครั้งนี้ผ่านโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อให้ประชาชนผู้เสียภาษีสามารถนำค่าใช้จ่ายสินค้าและบริการไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 3 หมื่นบาท"

 

โดยรายละเอียดของโครงการช้อปดีมีคืน มีดังนี้

ระยะเวลาตั้งแต่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2565

กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7 - 4.0 ล้านคนทั่วประเทศ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการ 1.5 - 2.0 ล้านราย

วงเงินเป็น 30,000 บาท คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 40,000 - 50,000 ล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นถึง 0.15 %

"ในภาวะความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของโอมิครอน ที่อาจมีการควบคุมการเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้ามาในประเทศ มาตรการช้อปดีมีคืนนี้ จะเป็นมาตรการสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีได้เป็นอย่างดี ช่วยเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วน"

ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ กระตุ้นให้เกิดการใช้สอยในประเทศด้วยการสนับสนุน SMEs ไทย กิน-ใช้ของไทย และเที่ยวเมืองไทย เพื่อเป็นการช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยให้กลับมาพลิกฟื้นได้โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม การป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เราไม่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เราทุกคนต้องยกระดับการป้องกันแบบ Universal Prevention ขั้นสูงสุด การ์ดต้องไม่ตก