CHO ส่งลูกระดมทุน SPAC ตลาดหุ้น "แนสแด็ก" รายแรกของประเทศไทย
CHO เผย ก.ล.ต.สหรัฐไฟเขียวบริษัทลูก AOGOU ระดมทุน SPAC ในตลาดหุ้นแนสแด็กสหรัฐ มูลค่าราว 3.6 พันล้าน ถือเป็นรายแรกของประเทศไทย พร้อมนำเงินที่ได้ลงทุนธุรกิจอีวี
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2564 บริษัท AROGO Capital Acquisition Corp. (บริษัทย่อย) ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (The U.S. Securities and Exchange Commission) เพื่อขออนุมัติการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ Global Market
ต่อมาวันที่ 23 ธ.ค.2564 ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ได้แจ้งต่อบริษัทย่อย อนุมัติการออกและเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในรูปแบบ SPAC ในวันที่ 27 ธ.ค.2564 ตามเวลาประเทศสหรัฐอเมริกา ในชื่อบริษัท Arogo Capital Acquisition Crop. ภายใต้สัญลักษณ์ "AOGOU"
ซึ่งแต่ละหน่วยประกอบด้วยหุ้นสามัญคลาส A หนึ่งหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิที่ไถ่ถอน (Warrant) ได้หนึ่งใบซึ่งให้สิทธิ์แก่ผู้ถือในการซื้อหุ้นสามัญประเภท A หนึ่งหุ้นในราคา 11.50 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น เมื่อหลักทรัพย์ที่ประกอบด้วยหน่วยเริ่มซื้อขายจะแยกกัน หุ้นสามัญประเภท A และใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warant) จะถูกจดทะเบียนในตลาด Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ "AOGO" และ "AOGOW" ตามลำดับ โดยออกและเสนอขายจำนวน 9,000,000 หน่วย หน่วยละ 10 เหรียญสหรัฐ
เนื่องจากนักลงทุนสนใจจองซื้อเกินจำนวนเสนอขาย จึงได้เสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe Option 15%) อีกจำนวน 1,350,000 หน่วย รวม AOGOU สามารถขายได้จำนวน 10,350,000 หน่วย (มูลค่าประมาณ 3,600 ล้านบาท) ถือเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่สามารถระดมทุนในรูปแบบ SPAC ผ่านตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
ขณะนี้ AOGOU ยังไม่ได้เลือกเป้าหมายการลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการกับบริษัทใด แต่มีแผนค้นหากิจการเป้าหมายเพื่อนำเงินดังกล่าวเข้าลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการในธุรกิจประเภทเทคโนโลยียานพาหนะไฟฟ้า (EV) Smart Mobility หรือการขนส่งที่ยั่งยืนและระบบนิเวศทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สอดรับกับแผน CHO Tech Riders 2030 ของบริษัทฯ เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและระบบยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าในการดำเนินการใดๆ ที่สำคัญ บริษัทฯ จะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงนักลงทุนทุกท่านให้ทราบตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป