10เทรนด์อสังหาฯปี65มาแน่!สมาร์ท-กรีน-คริปโท-เมตาเวิร์สสุดต๊าซ

10เทรนด์อสังหาฯปี65มาแน่!สมาร์ท-กรีน-คริปโท-เมตาเวิร์สสุดต๊าซ

คัดมาให้!! “10 เทรนด์เด่น”จากเทอร์ร่า บีเคเคที่จะมีบทบาทสำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 ซึ่งดีเวลลอปเปอร์ต้องจับเมกะเทรนด์ให้ได้เพื่อทำความเข้าใจนำมาประยุกต์ใช้ เป็นเครื่องมือฝ่าวิกฤติและเติบโตต่อไปในอนาคต

สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์คอนซัลติ้ง จํากัด หรือ เทอร์ร่า บีเคเค ผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาฯกล่าวถึงแนวโน้มอสังหาฯ ในปี 2565 มีความน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องคริปโทเคอร์เรนซี  เมตาเวิร์ส รวมไปถึง “วิธีการ" ในการทำตลาดรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

โดย 10 เทรนด์อสังหาฯ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2565  เริ่มจาก เทรนด์แรก-การพัฒนาบ้านประหยัดพลังงาน จากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภค หรือลูกค้าให้ความสำคัญเรื่องประหยัดพลังงานมากขึ้น เทคโนโลยีเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน หรือลดค่าใช้จ่าย จะเข้ามามีส่วนสำคัญ และได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

เทรนด์ที่สอง-ระบบรักษาความปลอดภัยแบบอัจฉริยะ ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากขาดแคลนแรงงาน หรือต้องการลดกำลังคนระบบรักษาความปลอดภัยแบบอัจฉริยะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแทนที่จะให้พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) เดิน 24 ชั่วโมง ซึ่ง รปภ. 2-3 คนต่อบ้าน 300 หลัง หากเกิดเหตุขึ้นไม่สามารถเตือนภัยได้ทันเวลา ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้  มีแนวโน้มของการโจรกรรมมากขึ้นทำให้คนใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้นตามไปด้วย

เทรนด์ที่สาม-การออกแบบบ้านที่ผสมผสานหรือเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ (Blended environment)ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น หลังจากเกิดโควิด เพราะปัจจุบันคนใช้ชีวิตในบ้านมากกว่านอกบ้าน เนื่องจากกังวลติดโรคระบาดผนวกกับคนทำงานที่บ้านมากขึ้น ฉะนั้นจึงต้องการดีไซน์แบบบ้านผสมผสานธรรมชาติ

“ผู้คนต้องเสพธรรมชาติในบ้านโดยไม่ต้องออกไปนอกบ้าน เพราะคนโหยหาธรรมชาติหรือแม้แต่อาคารสำนักงานก็ให้ความสำคัญกับเทรนด์นี้หรือแม้แต่คอมมูนิตี้มอลล์ ทำให้เกิด Indoor Plants”

เทรนด์ที่สี่-เมตาเวิร์ส (Metaverse) คาดว่าอีก 3 ปีจากนี้โลกเสมือนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จากปัจจุบันยังเป็นเพียงลูกเล่นทางการตลาด (Gimmick) เนื่องจากเป็นสิ่งที่เข้ามาตอบโจทย์เด็กยุคใหม่ เจนอัลฟา (อายุ9-10 ปี) เสพติดการเล่นเกมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ใน 5 ปีข้างหน้าเด็กกลุ่มนี้จะมีอายุ 15 ปีจะกลายเป็นวัยรุ่นยุคใหม่

“ต่อไปเด็กเจนอัลฟากลุ่มหนึ่งพร้อมทำงานหาเงินในโลกเสมือน แนวคิดเหล่านี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2000 แล้วแต่จิ๊กซอว์ยังถูกต่อไม่ครบ ซึ่งปัจจุบันการเกิดขึ้นของคริปโทฯ หรือ เงินดิจิทัล อุปกรณ์อย่าง เออาร์ วีอาร์ออกมารองรับทำให้การต่อจิ๊กซอว์สมบูรณ์มากขึ้น”

สุมิตรา ระบุว่า อนาคต “เมตาเวิร์ส” จะเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดประสบการณ์ในการเข้าชมโครงการที่พรีเซล ทั้งของแนวราบและแนวสูงทำให้ผู้บริโภค/ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์ได้ใกล้เคียงของจริง ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผุ้ประกอบการอสังหาฯทำให้ไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างเซลล์แกลลอรี่ แค่ทำโครงการในโลกเสมือนออกมาให้คนได้เข้าไปสัมผัสและจองดูได้สะดวกรวดเร็วขึ้นที่สำคัญสามารถลดต้นทุนการทำเซลล์แกลลอรี่ที่มีมูลค่าถึง10-30ล้านบาท รวมทั้ง รูปแบบการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในโลกเสมือน

เทรนด์ที่ห้า-เทคโนโลยีโลกเสมือน เออาร์ วีอาร์ Virtual Reality (VR) , Augmented Reality (AR)  มีบทบาทมากขึ้นกว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพราะราคาถูกลง เริ่มมีเครืองมือฟรีออกมาให้ทดลองใช้และเชื่อมโยงกับเมตาเวิร์สได้ จากทิศทางดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายเริ่มดีไซน์บ้านเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้มากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้แทบไม่ออกนอกบ้าน รวมทั้งการสัมผัสโครงการจริงก่อนการสร้างเสร็จผ่านเทคโนโลยีทั้ง AR & VR หรือ Digital Twin

เทรนด์ที่หก-การชำระเงินด้วยคริปโท เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ จากแนวโน้มคริปโทฯ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนกระทั่งช่วงหลังคนเปิดพอร์ตหุ้นลดลงเพราะหันมาเล่นคริปโทฯ เชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่ากฏเกณฑ์และกติกาเสถียรเหมือนวงจรเทคโนโลยี 

“เด็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจนอัลฟาจะทำทุกอย่างบนโลกอินเตอร์เน็ตอุปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆ มีความพร้อมในการต่อจิ๊กซอว์ และสิ่งสำคัญพฤติกรรมคนยอมรับการใช้เทคโนโลยีการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนมากขึ้น”

พฤติกรรมคนวันนี้จะเป็นฐานให้คนในวันข้างหน้า ซึ่งโควิดเป็นตัวเร่งส่วนหนึ่ง และจากแนวคิดเงินดิจิทัลที่เข้ามาตอบโจทย์ได้เข้าทำลายกำแพงระบบการเงินยุคเก่า แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา แต่มาแน่!  เพราะเด็กรุ่นใหม่เอาเงินไปอยู่ในคริปโทฯ ไม่ได้อยู่ในหุ้นแล้วจากเทรนด์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ เปิดช่องให้มีการชำระเงินด้วยคริปโทฯ รองรับลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามาแทนกลุ่มเบบี้บูมและเจนเอ็กซ์ในอนาคต

เทรนด์ที่เจ็ด-Universal design ซึ่งเป็นหลักการออกแบบเพื่อให้ทุกคนที่อยู่ในสังคมสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่และเท่าเทียมกัน จากการวิจัยล่าสุดพบว่า เจนซีให้ความสำคัญกับUniversal design ที่รองรับคนทุกสถานะเทียบเท่ากับกลุ่มเบบี้บูม

เพราะเขามีความใส่ทุกรายละเอียด ใส่ใจคนที่ด้อยโอกาส ซึ่งประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว ฉะนั้นโครงการที่เกิดใหม่ต้องให้ความสำคัญต่อเทรนด์นี้มากขึ้น เพราะไม่ใช่แค่รองรับกลุ่มผู้สูงวัยเท่านั้นแต่ยังเป็นกลุ่มคน

จากข้อมูลพบว่าคนเป็นที่มีความผิดปกติของสมองตั้งแต่กำเนิดที่ส่งผลต่อพัฒนาการมีจำนวนเพิ่มขึ้นฉะนั้น Universal design จึงตอบโจทย์ของคนทุกกลุ่ม

เทรนด์ที่แปด-Public space for New Gen พื้นที่สาธารณะสร้างสรรค์ทางความคิด ทั้งโครงการที่อยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ เป็นเรื่องใหม่ที่เข้ามาในเมืองไทย เพราะหลังเกิดโควิด-19 ทุกคนเบื่อการ “อยู่แต่บ้าน” ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศ หรือ ต่างจังหวัด หลายคนถูกกักให้อยู่แค่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น จุดนี้เองที่เกิดกระแส “เซิร์ฟสเก็ตฟีเวอร์"  มีหลายสถานที่สาธารณะเปิดพื้นที่ให้เล่น ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ชอบทำกิจกรรมข้างนอกเพื่อเจอผู้คนใหม่ๆ จึงต้องการพื้นที่สาธารณะที่เปิดกว้าง

“เทรนด์นี้อสังหาฯ ประเภทรีเทล ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า หรือ แม้แต่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียมสามารถนำมาใช้พัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อดึงคนรุ่นใหม่เป็นจุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการสนับสนุนไอเดียสร้างสรรค์และการแสดงออกต่างๆ”

เทรนด์ที่เก้า-Green material วัสดุธรรมชาติ หรือลดการทำลายสิ่งแวดล้อม กลายเป็นสิ่งทุกคนให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึก เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็กให้รักษ์โลกใส่ใจสิ่งแวดล้อม จึงนิยมใช้วัสดุธรรมชาติเพื่อสะท้อนตัวตนมากกว่าคำนึงแบรนด์ ดังนั้น Green material จึงเป็นเทรนด์ที่เป็นจุดขายที่ไม่ควรมองข้าม !!

เทรนด์ที่สิบ-บริการ 24 ชั่วโมง ด้วยระบบอัตโนมัติ ที่มาพร้อมกับเทรนด์ Work from Anywhere ยกตัวอย่างนิติบุคคคลในคอนโดมิเนียมที่ทำงาน 8.00 น. ถึง 16.00 น. ปัจจุบันไม่เพียงพอแล้วเพราะบางโครงการมีชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ 50% ฉะนั้นการบริการตามเวลาเมืองไทยไม่ตอบโจทย์ ฉะนั้นต้องอาศัยเทคโนโลยีและบริการ 24 ชั่วโมงด้วยระบบอัตโนมัติ ช่วยให้บริการโดยเฉพาะกลุ่มดิจิทัลโนแมดที่ใช้ชีวิตเดินทางท่องเที่ยวและทำงานไปพร้อมๆ กัน