CHO มุ่งสู่ "เทคคอมพานี" ตั้งเป้า 2-3 ปี รายได้ธุรกิจใหม่โตแซงธุรกิจเดิม
“ช ทวี” การแผนปี 65 เดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่บริษัทเทคโนโลยีภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จ่อระดมทุน “สแปค”รอบ 2 ปี 65 หวังนำเงินลงทุน “บล็อกเชน -เมตาเวิร์ส-สกุลเงินดิจิทัล” จากรอบแรกได้เม็ดเงิน 3.6 พันล้าน ลงทุนธุรกิจยานยนต์อัจฉริยะ
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทเดินหน้าตามโรดแมพ “CHO Tech Riders 2030” โดยมีเป้าหมายเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี จากปัจจุบันที่บริษัทประกอบธุรกิจอยู่ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า (2566-2567) รายได้ของธุรกิจเทคโนโลยีจะปรับตัวสูงกว่าธุรกิจอุตสาหกรรม
ทั้งนี้บริษัทจึงตัดสินใจนำบริษัทย่อย Arogo Capital Acquisition Corp. (AOGOU) เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นแนสแด็ก (NASDAQ) สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในรูปแบบ SPAC (Special Purpose Acquisition Companies) ซึ่งได้เงินจากการระดมทุนราว 3,600 ล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจยานยนต์อัจฉริยะ (Smart Mobility) ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือการขนส่งที่ยั่งยืนและระบบนิเวศทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะหาบริษัทเป้าหมาย (Target Company) ได้ภายใน 6-8 เดือนต่อจากนี้ ก่อนจะเริ่มกระบวนการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของกิจการ ซึ่งคาดว่าการลงทุนจะแล้วเสร็จภายใน 1 ปีครึ่ง ตามกฎเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 ในส่วนของธุรกิจเทคโนโลยีบริษัทเตรียมระดมทุนในรูปแบบ SPAC อีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำเงินระดมทุนที่ได้ไปลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจเทคโนโลยี อาทิ บล็อกเชน เมตาเวิร์ส และสกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัว “สยาม เมตาเวิร์ส” (Siam Metaverse) ร่วมกับพันธมิตรในไตรมาส 4 ปี 2565 ส่วนธุรกิจเดิมเตรียมให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ (EV Autonomous) ในไตรมาส 3 ปี 2565
สำหรับรายได้รวมปี 2564 คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 647.96 ล้านบาท และมีโอกาสพลิกกลับมาทำกำไร ภายหลังรับรู้กำไรบริษัทย่อยเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นแนสแด็กครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2564 ส่วนปี 2565 คาดว่ารายได้จะกลับไปเติบโตใกล้เคียงกับในอดีตราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งหากพลิกกลับมากำไร บริษัทฯ จะพิจารณากลับมาจ่ายเงินปันผลในระยะถัดไป