“ตลาดหุ้น” ทางเลือกติดเทรนด์ปี 2564 ดึงดูดธุรกิจออก IPO มูลค่ารวมกว่า 4.54 แสนล้านบาท
ปี 2564 "ตลาดหุ้น" คือหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความนิยม มีการเปิดบัญชีซื้อ - ขายหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 188% ของครึ่งปีแรก ดึงดูดธุรกิจออก IPO เพิ่มขึ้น 46.43% มูลค่าตลาดรวมแล้วทะลุ 4.54 แสนล้านบาท
ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะ “อัตราดอกเบี้ยต่ำ” การลงทุนใน “ตลาดหุ้น” จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกของการแสวงหาผลตอบแทนที่ได้รับความสนใจ
ในขณะเดียวกัน ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ทำให้สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น ดึงดูดให้ธุรกิจเข้ามาระดมเงินทุนผ่านตลาดหุ้นมากขึ้นตามไปด้วย เพราะต้นทุนที่ต่ำ และมีโอกาสเข้าถึงเงินทุนจำนวนมาก จากแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นที่มากขึ้นในช่วงนี้
แนวโน้มข้างต้นสอดคล้องกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ให้ข้อมูลว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยอดการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น 188% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ มีธุรกิจและกองหลักทรัพย์ออกหุ้น IPO เพิ่มขึ้นจากทั้งปี 2562 หรือ 2563 ที่ 13 หลักทรัพย์ ซึ่งเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 46.43%
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนและทุกธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากการเข้ามาในตลาดหุ้น ฉะนั้น การศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจกับตลาดจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอยู่ แม้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายแล้วก็ตาม
เทรนด์การลงทุนในตลาดหุ้นปี 2564
จากข้อมูลทางสถิติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ภายในครึ่งแรก (ม.ค.- มิ.ย.) ของปี 2564 มียอดการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ถึง 1,156,290 บัญชี เพิ่มขึ้นกว่า 188% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 64 การซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 47.18%
ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่เพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเลือกระดมทุนผ่านตลาดหุ้น เพราะนอกจากจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารแล้ว ยังมีสภาพคล่องที่สูง พร้อมทั้งสามารถเป็นแหล่งเงินทุนในระยะยาวได้ จึงทำให้ธุรกิจมีโอกาสสูงขึ้นในการเข้าถึงเงินทุนในปริมาณมากด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
ธุรกิจตอบรับกระแส ออก IPO ระดมทุน มูลค่ารวมกว่า 4.54 แสนล้าน
ในปี 2564 นี้ มีธุรกิจและกองสินทรัพย์ยื่นคำขอจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) 41 แห่ง โดยแบ่งเป็น SET 23 แห่ง และ mai 18 แห่ง มูลค่าตลาดรวมแล้วกว่า 4.54 แสนล้านบาท
การยื่นคำขอจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ จะเปลี่ยนธุรกิจกลายเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งการเป็นบริษัทมหาชนจะเกิดขึ้นได้ด้วยการปันส่วนความเป็นเจ้าของให้กับบุคคลทั่วไปหรือนักลงทุนรายย่อย ผ่านการขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยการเสนอขายหุ้นเป็นครั้งแรก หุ้นดังกล่าวจะมีชื่อเรียกว่า IPO
สำหรับราคาขาย IPO จะเท่ากับราคาเปิดตัว ซึ่งเป็นราคาที่ได้รับการประเมินมาแล้ว ซึ่งหลังจากการเสนอขายครั้งแรกแล้ว ราคาถึงจะสามารถปรับขึ้นลงได้ตามกลไกตลาด หากราคาปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวก็จะทำให้ผู้ลงทุนที่ซื้อในครั้งแรกได้รับความมั่งคั่งมากขึ้น หรือหากขายก็จะได้รับกำไร ในด้านของธุรกิจก็จะมีมูลค่าตลาดที่สูงขึ้นจากทุนจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม จากจำนวน IPO ทั้งหมดที่ออกขาย อาจมีเพียงไม่กี่ตัวที่มูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้น วันนี้จึงอยากพาทุกคนไปสำรวจการเติบโตของมูลค่าหุ้น IPO ตัวเด่นในตลาดหลักอย่าง SET หลังจากที่ได้ทำการเสนอขายต่อผู้ลงทุนไปแล้วในปี 2564 นี้
5 อันดับ หุ้น IPO ปี 2564 ราคาเติบโตสูงที่สุด
หมายเหตุ :
1. เฉพาะหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
2. ข้อมูลราคาปัจจุบัน ณ 30 ธ.ค. 64
“ตลาดหุ้น” ทางเลือกที่ดีเมื่อมีความพร้อม
แม้ตลาดหุ้นจะเปิดพื้นที่ให้ธุรกิจได้เข้าถึงเงินทุนที่มากขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจจะประสบความสำเร็จกับการระดมทุนในตลาดหุ้น ในทางเดียวกัน การเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นก็อาจไม่ได้ทำให้ผู้ลงทุนมีความมั่งคั่งมากขึ้น มิหนำซ้ำอาจขาดทุนหากลงทุนด้วยความเข้าใจที่ไม่มากพอ
ความเสี่ยงในตลาดหุ้นที่มากกว่า ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอาจจะได้ทั้งผลกำไรและผลขาดทุนที่มากตามไปด้วย ฉะนั้น การลงสู่สนามการลงทุนนี้จำเป็นต้องทำการศึกษาข้อมูลให้เพียงพอ ไม่เช่นนั้นการเลือกลงทุนในตลาดหุ้นอาจไม่ใช่ตัวเลือกในการสะสมความมั่งคั่งอย่างที่ตั้งใจไว้
นอกจากนั้น ทางเลือกสำหรับการสะสมความมั่งคั่งไม่ได้มีเพียงแค่ตลาดหุ้น ยังมีทั้งกองทุนรวม พันธบัตรรัฐบัตร หุ้นกู้ หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ แม้แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ก็ต้องอาศัยความพร้อมในการยอมรับความเสี่ยงที่สูง ประกอบกับการมีความรู้และความเข้าใจกับการทำงานของตลาดที่ดีร่วมด้วย ดังนั้น การจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใด สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือ การพิจารณาความพร้อมของผู้ลงทุนนั่นเอง
อ้างอิง
ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์