"ช้อปดีมีคืน" ปี 2565 ช่วย "ลดหย่อนภาษี" ได้มากแค่ไหน ?

"ช้อปดีมีคืน" ปี 2565 ช่วย "ลดหย่อนภาษี" ได้มากแค่ไหน ?

สรุปรายละเอียดที่ควรรู้เกี่ยวกับโครงการ "ช้อปดีมีคืน" 2565 พร้อมเงื่อนไขการ "ลดหย่อนภาษี" ช่วย "ประหยัดภาษี" ได้มากน้อยแค่ไหน คุ้มหรือไม่

"ช้อปดีมีคืน" ปีล่าสุด หรือ "ช้อปดีมีคืน 2565" อีกหนึ่งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ที่เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 ถึงวันที่ 15 ก.พ.2565 ที่ช่วยให้ผู้มีเงินได้สามารถนำใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ไปยื่น "ลดหย่อนภาษี" ได้สำหรับการ "ยื่นภาษีปี 2565"

 

  •  ใครมีสิทธิ์ใช้ "ช้อปดีมีคืน" บ้าง ? 

สำหรับผู้ที่สามารถเข้าโครงการช้อปดีมีคืนได้ คือผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

ผู้มีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถใช้สิทธิได้ทุกคน ยกเว้นพวกห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคล
ไม่ต้องลงทะเบียน แค่ซื้อของที่มี vat หนังสือ otop เก็บใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ เพื่อลดหย่อนภาษีปีภาษี 2565 ยื่น 2566

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืน ไม่ต้องลงทะเบียน เพียงแค่ซื้อสินค้าหรือบริการตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด แล้วขอ "ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป" จากร้านค้า ก็สามารถใช้ประกอบการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2565 เพื่อหักลดหย่อนภาษี ร่วมกับรายการลดหย่อนภาษีอื่นๆ ได้ตามปกติ

 

  •  ร่วมโครงการ "ช้อปดีมีคืน ปี 2565" ลดหย่อนภาษีได้มากกว่าปกติ จริงหรือ ? 

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าโครงการ "ช้อปดีมีคืน ปี 2565" คือส่วนหนึ่งของการใช้สิทธิ์ "ลดหย่อนภาษี ปี 2565" เหมือนกับรายการลดหย่อนภาษีอื่นๆ ที่มีอยู่ตามปกติ

หมายความว่า จะสามารถลดหย่อนภาษีได้มากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายตามเงื่อนไขของโครงการ และ "อัตราภาษี" ที่ต้องจ่ายของแต่ละคนตามรายได้สุทธิในปี 2565

พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ได้หมายความว่ายิ่งซื้อเยอะแล้วจะได้ลดหย่อนภาษีเยอะ ในกรณีที่ซื้อของตามเงื่อนไขช้อปดีมีคืนเต็มเพดาน 30,000 บาทเท่ากัน คนที่จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าจะสามารถใช้สิทธิ์นี้ลดหย่อนภาษีได้มากกว่า ส่วนคนที่ได้รับการยกเว้นภาษีอยู่แล้วก็จะไม่ได้สิทธิ์ลดหย่อนเลย

ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกโครงการช้อปดีมีคืน จึงต้องมาพิจารณาดูก่อนว่าเรามีระดับอัตราภาษีที่ต้องเสียมากน้อยแค่ไหน จาก "รายได้สุทธิ" (รายได้สุทธิ = เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) ดังนี้

เงินได้สุทธิ 0-150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีอยู่แล้ว ไม่ได้ประโยชน์จากโครงการ "ช้อปดีมีคืน"

เงินได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท อัตราภาษี 5% ช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์คืนภาษีสูงสุด 1,500 บาท

เงินได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท อัตราภาษี 10% ช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท

เงินได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท อัตราภาษี 15% ช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 4,500 บาท

เงินได้สุทธิ 750,001-1,000,000 บาท อัตราภาษี 20% ช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 6,000 บาท

เงินได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาท อัตราภาษี 25% ช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 7,500 บาท

เงินได้สุทธิ 2,000,001-5,000,000 บาท อัตราภาษี 30% ช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 9,000 บาท

เงินได้สุทธิตั้งแต่ 5,000,001 บาทขึ้นไป อัตราภาษี 35% ช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท

เพราะฉะนั้นใครที่กำลังจะออกไปช้อปหวังได้ลดภาษีเยอะๆ จากช้อปดีมีคืน อย่าลืมคำนวณเงินได้สุทธิของตัวเองคร่าวๆ เพื่อประเมินว่าหากซื้อของไปแล้วจะได้สิทธิ์ "คืนภาษี" คุ้มค่ากับที่ซื้อของไปหรือไม่ จะได้ไม่เสียเงินไปฟรีๆ