กรมปศุสัตว์ เลื่อนถกแก้ปัญหาหมูแพง หลังพาณิชย์เริ่มมีมาตรการรับมือ
กรมปศุสัตว์ เลื่อนประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาราคาสุกรแพง หลัง กระทรวงพาณิชย์ เร่งหารือ พร้อมวางมาตรการแล้ว
นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่มีนัดหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือร่วมกันในการแก้ปัญหาราคาเนื้อสุกรแพงในวันที่ 7 ม.ค. นี้ โดยเบื้องต้นอาจต้องเร่งผสมพันธุ์เพื่อให้ได้สุกรขุนเพื่อจำหน่าย ก่อนเสนอให้ประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (พิกบอร์ด) พิจารณาต่อไปนั้น
จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน ทั้งนี้เพราะ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ได้ประชุมคณะทำงาน ร่วมกับ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แล้วได้ข้อสรุปตามที่ ตามที่นายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย และนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้แถลงข่าวไปแล้ว
โดย ให้กรมปศุสัตว์วางแผนด่วน เรื่องการแก้ไขปัญหาปริมาณสุกรที่ลดลง ทำให้ส่งผลถึงราคาจำหน่ายเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น แก้ปัญหาครอบคลุมทุกกระบวนการ ตั้งแต่ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ อาหารสัตว์ ยารักษาโรค รวมไปถึงการพบโรคระบาดในสุกร อีกทั้งก่อนหน้านี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย และผู้เลี้ยงสุกรรายกลางเกิดความตื่นตระหนกต่อข่าวโรคระบาดในสุกร จึงเร่งขายสุกรมีชีวิตออกจากฟาร์มจำนวนมาก จึงทำให้ส่งผลกระทบไปยังปลายน้ำอย่างผู้บริโภคที่ยังคงมีความต้องการสูง
ทั้งนี้กรมปศุสัตว์ได้ตอบรับคำสั่ง พร้อมเตรียมแก้ไขปัญหา ระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว โดยจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเร่งด่วนต่อไป
พร้อมทั้งจัดเตรียมมาตรการ 3 ระยะเพื่อแก้ไขปัญหา คือ 1. มาตรการเร่งด่วน ได้แก่ การห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตเพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อสุกรภายในประเทศให้มากขึ้น การช่วยเหลือด้านราคาอาหารสัตว์ โดยเฉพาะส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น การงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษี การจัดสินเชื่อพิเศษของ ธ.ก.ส. เพื่อให้เกษตรกรที่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขได้กลับมาเลี้ยงใหม่ในพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ การตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น
พร้อมเร่งสำรวจภาพรวมสถานการณ์การผลิตสุกร เพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการที่เหมาะสม พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน โดยให้เกษตรกรใช้สุกรขุนตัวเมียมาใช้ทำพันธุ์ชั่วคราว เร่งรัดเจรจาฟาร์มรายใหญ่ในการสรรและกระจายพันธุ์และลูกสุกรขุนให้กับรายย่อยและเล็กที่ต้องการกลับเข้ามาสู่ระบบใหม่กำหนดโซนเลี้ยงและออกมาตรการบังคับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อควบคุมโรค และเร่งรัดการวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค
2.มาตรการระยะสั้น ได้แก่ การส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ การขยายกำลังผลิตแม่สุกรสนับสนุนศูนย์วิจัยและบำรุงสัตว์ ในสังกัดกรมปศุสัตว์และเครือข่ายคู่ขนานกับฟาร์มเกษตรกรและภาคเอกชน การศึกษาวิจัยยาและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความสูญเสียจากโรคระบาด 3. มาตรการระยะยาว ได้แก่
การปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกพืชอื่น แล้วส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อทดแทนการนำเข้า หรือส่งเสริมการผลิตข้าวโพดในฤดูแล้งให้มากขึ้น การยกระดับมาตรการปรับปรุงระบบ Biosecurity ในการเลี้ยงสุกรให้เป็น GAP หรือ GFM ซึ่งจะป้องกันโรคได้ดีขึ้น ใช้ยุทธศาสตร์การควบคุมโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) เพื่อส่งเสริมการส่งออกสุกรไปต่างประเทศ ใช้ระบบการติดตามการเคลื่อนย้ายสุกร Tracking Smart Logistics พร้อมทั้งศึกษาและพัฒนาการปรับปรุงพันธุ์สุกรให้ได้สุกรพันธุ์ดีและทนทานต่อโรคระบาด ศึกษาและพัฒนาการลดต้นทุนการเลี้ยงสุกรทั้งวงจรโดยกรมปศุสัตว์จะเร่งหารือกับทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนจากราคาเนื้อสุกรสูงขึ้นโดยเร็วต่อไป