CENTEL ประมาณการ 4Q64F: ผลประกอบการจะดีขึ้นมาก QoQ
เราคาดว่า CENTEL จะมีผลขาดทุนปกติที่ 470 ล้านบาทใน 4Q64F (+1% YoY, +41% QoQ) โดยผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก QoQ จะมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ใหม่รายวันที่ลดลงของประเทศไทย
ดังนั้น เราจึงคาดว่ารายได้รวมใน 4Q64F จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% YoY และ 50% QoQ เป็น 3.5 พันล้านบาท ใน
ขณะเดียวกัน เราคาดว่า EBIT margin จะฟื้นตัวขึ้นเป็น -7.8% (จาก -25.5% ใน 3Q64) เนื่องจากมีการ
ประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้น
คาดว่า RevPar (บาท) จะดีดตัวขึ้นถึง 62% YoY และ 140% QoQ
เราคาดว่า RevPar ใน 4Q64F จะดีดตัวขึ้น 62% YoY และ 140% QoQ เนื่องจาก i) คาดว่า ARR จะเพิ่มขึ้นแรง 46% YoY และ 30% QoQ หนุนจากสัดส่วนรายได้ในมัลดีฟส์ที่สูงขึ้น ii) occupancy rate เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เป็น 30% (จาก 16% ใน 3Q64) ทั้งนี้ หากพิจารณาในเชิงของทำเลที่ตั้ง ผลการดำเนินงานของโรงแรมในมัลดีฟส์น่าจะ outperform โดยคาด occupancy rate ที่ 79% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโรงแรมในประเทศไทยที่ 26%
คาดว่า SSSG จะดีขึ้นเป็น -2% YoY
เราคาดว่า Same-store-sales growth (SSSG) ใน 4Q64F จะดีขึ้นเป็น -2% YoY (จาก -30% YoY ใน 3Q64) เนื่องจากมีการผ่อนคลายข้อจำกัดในการทานอาหารในร้าน
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2565F/2565F ลง 347%/12%
เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2565-66F ลง 347%/12% (Figure 7) เพื่อสะท้อนถึงการฟื้นตัวของภาวะการท่องเที่ยวไทยที่ถูกเลื่อนออกไปเป็นตั้งแต่ 2Q65F เป็นต้นไป และเพื่อนะท้อนสมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติใหม่ของ KGI ที่ 8 ล้านคนในปี 2565F (จากเดิมที่ 12 ล้านคน)
Valuation & action
ถึงแม้เราจะคาดว่าสายพันธุ์ Omicron จะกดดันภาวะการท่องเที่ยวใน 1Q65F แต่คาดผลกระทบในเชิงลบจะเกิดเพียงชั่วคราวเท่านั้น ในขณะเดียวกัน เรามองว่าการเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยลดความเสี่ยงด้าน downside ในระยะยาวลงได้ (Figure 11) ทั้งนี้ เนื่องจากราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปบ้างแล้ว เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 38.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2566F ที่ 14.6x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว +1.0 S.D. ทั้งนี้ เราได้ทำการ discount ราคาเป้าหมายปี 2566F กลับมาหนึ่งปี โดยใช้ WACC ที่ 9.3%
Risks
SSSG ฟื้นตัวช้า และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำกว่าที่คาดไว้