สูตรลัด "แอสเซทไวส์" หนุนโตปีเสือ ลุย "ร่วมทุน-ซื้อกิจการ" ลดเสี่ยงธุรกิจ
แอสเซทไวส์ หรือ ASW ถือฤกษ์เปิดศักราชใหม่ปีเสือทอง ปิด 2 โปรเจคใหญ เสริมแกร่งพอร์ตธุรกิจตั้งแต่ต้นปี ภายใต้กลยุทธ์การเพิ่ม “พันธมิตรระดับโลก” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ไปพร้อมกับการลดความเสี่ยงและเวลาในการพัฒนาโครงการเอง
แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังมีความผันผวนจากหลายปัจจัยลบ ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธ์ุใหม่โอมิครอนกระทบความเชื่อมั่นและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังมี “โอกาส” ไม่น้อยแทรกอยู่ท่ามกลางวิกฤติ ซึ่งบิ๊กดีเวลอปเปอร์อย่าง "แอสเซทไวส์" มองเป็นก้าวรุกสำคัญ พร้อมถือฤกษ์เปิดศักราชใหม่ปีเสือทองปิด 2 ดีลใหญ่ เสริมแกร่งพอร์ตธุรกิจตั้งแต่ต้นปี
กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW กล่าวว่า ช่วงเวลานี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเดินเกมรุกอย่างเต็มที่ ภายใต้กลยุทธ์การเพิ่ม “พันธมิตรระดับโลก” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ไปพร้อมกับการลดความเสี่ยงและเวลาในการพัฒนาโครงการเอง
"การขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เป็นเหมือนการขึ้นทางด่วนนำพาบริษัทไปถึงเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ได้เร็วขึ้น”
ทั้งนี้ แอสเซทไวส์ ได้บรรลุข้อตกลงครั้งสำคัญพร้อมกันถึง 2 รายการ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้แอสเซทไวส์มีความแข็งแกร่งมากขึ้นรองรับวัฏจักรเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2565
ประเดิมด้วยพันธมิตรร่วมทุน “ทาคาระเลเบ็น” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมายาวนานครึ่งศตวรรษ ร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแรก “แอทโมซ บางนา” มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพ ที่เรียกว่าเป็น NEW CBD ย่านบางนาที่กำลังเติบโต ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว และเอ็มอาร์ทีสายสีเหลือง โดยแอสเซทไวส์ ถือหุ้นสัดส่วน 51% ทาคาระ เลเบ็น 49%
คาซูอิชิ ชิมาดะ CEO บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวมากกว่า 500 โครงการ ทั้งยังประกอบธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่น กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูงในภูมิภาคเอเชีย จากการพัฒนาและขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง
"บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโต และการร่วมทุนกับแอสเซทไวส์ เพื่อพัฒนาโครงการแอทโมซ บางนา ครั้งนี้ ถือเป็นการวางรากฐานของบริษัทในระยะยาว สู่การเติบโตที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในไทย"
ทาคาระ เลเบ็น กล่าวว่า พาร์ทเนอร์ “แอสเซทไวส์" เป็นบริษัทมหาชนที่มีความมั่นคงและอนาคตไกลในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย สะท้อนจากความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งมีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจตรงกัน “We build happiness” ยึดมั่นในการออกแบบความสุขเพื่อการอยู่อาศัย จึงมั่นใจและตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในไทยเป็นครั้งแรก
อีกก้าวสำคัญของ "แอสเซทไวส์" ยังได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท เป็นเจ้าของโครงการแม็กซี่ ไพร์ม รัชดา-สุทธิสาร ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลทองใจกลางรัชดา-สุทธิสาร
โครงการแม็กซี่ ไพร์ม รัชดา-สุทธิสาร สอดคล้องกับหลักการพัฒนาโครงการของแอสเซทไวส์ กล่าวคือ เน้นสร้างความสุขในการอยู่อาศัย ผ่านตัวโครงการที่ดี การออกแบบห้องพักที่สวยงามลงตัว และมอบความสุขด้วยส่วนกลาง (Facility) เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมระดับ Affordable ด้วยกัน
โครงการดังกล่าวมีมูลค่า 570 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 1 อาคาร รวม 218 ยูนิต อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีสุทธิสาร และใกล้ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว ราคาเริ่มต้น 1.99-3.97 ล้านบาท
เบื้องต้นพัฒนาโครงการราว 83% จะแล้วเสร็จพร้อมโอนในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งหมายความว่าสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงและระยะเวลาในการพัฒนาโครงการ ทั้งยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะได้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) สูงกว่าการพัฒนาโครงการเองจากที่ดินเปล่า
2 ดีลใหญ่ตั้งแต่ต้นปี จะเป็นแรงส่งที่สำคัญของ แอสเซทไวส์ ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทางด้านไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We build Happiness” และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญทำให้รายได้และการเติบโตในปี 2565 ทะยานสู่เป้าหมายอย่างแข็งแกร่ง
ปัจจุบัน ธุรกิจของ “แอสเซทไวส์” มี 25 บริษัทในเครือ ครอบคลุมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียม และแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ นอกจากนี้ มีธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า และธุรกิจรับฝากขายฝากเช่า ธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม โดยมีแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่าง คอนโดมิเนียม โมดิซ (MODIZ) แอทโมซ (ATMOZ) และเคฟ (KAVE) ที่มีเอกลักษณ์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้ายุคใหม่