ยืมมั้ย ผนึก บิทคับ เชน ทุ่ม 500 ล้าน ปั้นแพลตฟอร์มเช่าคริปโทฯ ครั้งแรกในไทย
"ยืมมั้ย” จับมือ บิทคับ บล็อคเชน ทุ่ม 500 ล้าน เปิดตัว “YES”โทเคนใหม่ พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม "ยืมมั้ย.digital" ให้บริการเช่าสินทรัพย์ดิจิทัลได้ครั้งแรกในไทย นำร่องม.ค.นี้ บน KUSDT ตามมาอีกกว่า6 สกุลเดือนก.พ. คิดค่าเช่า 30% ของมูลค่าเหรียญที่เช่า จ่อนำเหรียญ YES เข้าเทรดใน 1 ปี
นายสุทธิเกียรติ กิตติภัทรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยืมมั้ย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทร่วมมือกับ บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด รวมถึงอีก 2 พันธมิตรสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยอย่าง บริษัท ฟินสเตเบิ้ล จำกัด และ บริษัท เวลธิเทคฟิน จำกัด
ล่าสุด เปิดตัวเหรียญ YES โทคเคนใหม่ล่าสุด ที่จะก้าวแรกของการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการพัฒนาระบบการตลาดของ “ยืมมั้ย” เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และมอบผลตอบแทนให้กับลูกค้ายืมมั้ย ที่อยู่ใน Ecosystem ภายใต้ร่มของ “ยืมมั้ย โฮลดิ้ง” ได้แก่ เครดิตซิม, ยืมมั้ย Finance, ยืมมั้ย Online, และ ยืมมั้ย Blockchain
โดยลูกค้าและผู้ใช้บริการของ “ยืมมั้ย โฮลดิ้ง” จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญ YES เพื่อนำไปใช้ค้ำประกันการเช่าสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม "ยืมมั้ย.digital" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการให้เช่าสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนในโลกดิจิทัลได้ง่ายยิ่งขึ้น
โดยใช้งบลงทุนราว 500 ล้านบาท เป็นเงินทุนหรือมาร์เก็ตแคปเบื้องต้นราว 280 ล้านบาท ในการออกเหรียญ YES จำนวน 10 ล้านเหรียญ มูลค่าเหรียญอยู่ที่ 18 บาท และเมื่อระบบนิเวศน์มีความพร้อมมากขึ้น มีโอกาสที่จะนำเหรียญ YES โทเคนเข้าเทรดในตลาดคริปโทฯ ต่อไป และการทดสอบระบบในช่วงแรกเดือนม.ค.จะเปิดให้กลุ่มนักศึกษา หรือ กลุ่มวัยเริ่มทำงาน เข้ามาใช้บริการเพื่อพัฒนาระบบให้พร้อมก่อนที่จะเปิดให้บริการกับบุคคลทั่วไปในเดือนก.พ.นี้
"การเงินดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงได้โดยการนำเทคโนโลยีสมาร์ทคอนแทรคอัจฉริยะ จะช่วยในการให้บริการสินเชื่อ และการซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของลูกค้าได้ง่ายขึ้น เราจึงมุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายและการให้บริการที่มีความยืดหยุ่น โดยอาศัยนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล โดยมั่นใจว่า เหรียญ YES จะเชื่อมโยงประสบการณ์ลูกค้าจากหลายช่องทางเข้าด้วยกัน และมอบเป็นรางวัลที่คุ้มค่าให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน"
สำหรับ เหรียญ YES เป็นโทเคน ที่ได้รับการรับรองโดย บิทคับ เชน (Verified by BitKub Chain) เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่ “ยืมมั้ย” อยากมอบรางวัลตอบแทนแก่ลูกค้า โดยลูกค้ายืมมั้ยจะได้รับเหรียญ YES หลังจากใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากธุรกิจในเครือ “ยืมมั้ย โฮลดิ้ง” เป็นประจำทุกเดือน (ตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป)
จากนั้นลูกค้าสามารถใช้เหรียญ YES มาใช้ค้ำประกันเพื่อเช่าสินทรัพย์ดิจิทัลได้บนแพลตฟอร์ม "ยืมมั้ย.digital" ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ของค่ายสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ที่เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ โดยเหรียญสกุลแรกที่จะเปิดให้เช่า คือ KUSDT (เหรียญในตระกูล BitKub Next) ตามมาด้วยสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 6 สกุล ที่รู้จักกันอย่างดีบนกระดานเทรดคริปโทเคอร์เรนซี
โดยมี ค่าเช่าคิดเป็นร้อยละ 30 ต่อปีของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เช่าไป ผ่านการพิจารณาจำนวนเช่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผู้เช่าสามารถเช่าได้ด้วย ระบบ Credit Scoring ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาของ บริษัท เวลธิเทคฟิน จำกัด สตาร์ทอัพผู้พัฒนาแอปพลิเคชันผลิตภัณฑ์ทางการเงินบนมือถือที่ได้รับใบอนุญาตพิโกไฟแนนซ์จากกระทรวงการคลัง ด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำและทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การสมัครสินเชื่อที่ดีที่สุด
นายธวัชชัย อิงบุญมีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เวลธิเทคฟิน จำกัด กล่าวว่า บริษัท ร่วมมือกับ “ยืมมั้ย” เพื่อสนับสนุนระบบ Credit Scoring ในการเช่าสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นการส่งเสริมการลงทุนที่ทันสมัยแล้ว ผ่านระบบเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) ที่ทันสมัย ครบวงจร และแม่นยำ”
มูลค่าเหรียญ YES เริ่มต้น 28 บาท (ณ วันเปิดตัว) โดยผู้ที่ถือเหรียญ YES ครบ 10 เดือนสามารถซื้อ-ขาย (เทรดได้) ในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยยืมมั้ยมีตั้งเป้าพัฒนาเหรียญ YES ในอนาคต ให้เป็นเหรียญที่สามารถโหวต และมีสิทธิ์ในระบบการเทรดได้อย่างโปร่งใส (Governance Function) ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าปล่อยกู้บนมือถือราว 10,000 ราย
นายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ได้เปิดเผยว่า BitKub Chain ยังได้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงดูและระบบ และร่วมลงทุนด้วย โดยการตั้ง AMM Automate Market Maker (หรือกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัลบนบิทคัพเชน) มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท
สำหรับแพลตฟอร์ม "ยืมมั้ย.digital" เป็นแพลตฟอร์มที่ผสมผสานระหว่างการเงินแบบรวมศูนย์และแบบกระจายศูนย์ (CeDeFi) ครั้งแรกในไทย ได้รับการพัฒนาโดย บริษัท ฟินสเตเบิ้ล จำกัด (Finstable) บริษัทฟินเทคที่ตั้งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต และเป็นบริษัทที่อยู่ระหว่างขอรับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 75 ล้านบาท โดย CeDiFi เป็นระบบสมาร์ทคอนแทรคอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ ซึ่งใช้ข้อดีของระบบ Centralized ผสานข้อดีของระบบ Decentralized มีความปลอดภัยสูงเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง และทำให้ลูกค้าได้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน
นายเผด็จ จินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟินสเตเบิ้ล จำกัด กล่าวว่า ทางทีม Finstable ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากภาคการเงิน ภาคหลักทรัพย์ กฎหมาย บัญชี และเทคโนโลยีบล็อกเชน เราเชื่อว่าระบบ CeDeFi ซึ่งนำเอาจุดแข้งของระบบ KYC CDD และ AML เข้ามาทำความรู้จักลูกค้า และป้องกันความเสี่ยงของลูกค้าในการใช้งานระบบเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ ผนวกกับการใช้ระบบ DeFi ที่ทำงานบน Smart Contract ซึ่งมีความปลอดภัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีต้นทุนการบริหารจัดการที่ต่ำ จะเป็นการสนับสนุนให้แพลทฟอร์มยืมมั้ยสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จะมีการนำร่องทดสอบระบบ (Beta Test) ในวันที่ 14-31 มกราคม 2565 โดยเปิดโครงการแข่งขันทดสอบระบบ CeDeFi ขึ้น ดึงนักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจเข้าร่วมกิลด์ ประลองฝีมือเพื่อชิงรางวัลทุนการศึกษาเหรียญ KUB มูลค่า 100,000 บาท (ดูกติกาการแข่งขัน และสมัครเข้าร่วมได้ที่ เว็บไซต์ www.ยืมมั้ย.digital)
ผู้สนใจเหรียญ YES สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปบนแพลตฟอร์ม "ยืมมั้ย.digital" และจะได้รับเหรียญ YES AirDrop แจกฟรีให้กับลูกค้า โดยจะได้รับในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวนจำกัดเพียง 2,500,000 เหรียญ (75 ล้านบาท) มาก่อนได้ก่อน