สกพอ.หนุนพลังงานสะอาด แก้ปัญหาขยะตกค้าง“อีอีซี”
สกพอ.หนุนเพิ่มการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดในอีอีซี แนะจัดการขยะอุตสาหกรรมต้องคำนึงถึงผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน
นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้มีการเดินหน้าตามแผนและ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ไปแล้วหลายเรื่อง อาทิ จัดพื้นที่ตามผังเมืองเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ทั้งด้านการเดินทาง การศึกษา และสาธารณสุข รวมทั้ง การเดินหน้าลงทุนพัฒนาเมืองอัจฉริยะกว่า 6 แสนล้านบาท
รวมทั้งหลังจากนี้ยังคงมีสิ่งท้าทายที่ต้องดำเนินการต่อไป คือ การเพิ่มการผลิตและใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น การจัดการขยะและการผลิตไฟฟ้าจากขยะ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีขยะที่ยังตกค้างอยู่จำนวนมากถึง 5.57 ล้านตัน โดยประเมินว่าการเพิ่มโรงกำจัดขยะและผลิตไฟฟ้าจากขยะเพิ่มอีก 6 โรง จะช่วยกำจัดขยะดังกล่าวได้ภายใน 12 ปี และการพยากรณ์ปริมาณขยะอุตสาหกรรมในอนาคต
ทั้งนี้ รายงานการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืนภาคตะวันออกปี พ.ศ.2564 โดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และมูลนิธิเสนาะอูนากูลได้ร่วมจัดทำขึ้น ได้ช่วยให้มีข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น แต่การพยากรณ์ปริมาณขยะอุตสาหกรรมต้องคำนึงถึงผังการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลพยากรณ์ปริมาณขยะที่แม่นยำมากขึ้น และส่งผลต่อการนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย
“สกพอ.จะไม่เน้นเพียงกำจัดขยะที่ปลายทาง แต่จะแก้ปัญหาที่ต้นทางด้วย ซึ่งต้องมีภาคท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมปฏิบัติตามแนวทางลดการสร้างขยะและนำขยะกลับมาใช้ อีกทั้ง การจัดการปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นมาจากผลกระทบของโควิด-19การบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน การบริหารจัดการขยะต้นทางและขยะในทะเลการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เพื่อเดินหน้าผลักดันให้อีอีซี เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง” นางสาวพจณี กล่าว