บิทคับ-กลุ่มทองแตง ตั้ง "บิทคับ เวิลด์เทค" สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สู่โลกอนาคต

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ บิทคับ เปิดเผยว่า บริษัทและกลุ่มทองแตง ลงนาม MOU จับมือเป็นพันธมิตรจัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด (BITKUB WORLDTECH) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กับ กลุ่มทองแตง สัดส่วน 50:50 จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2565 มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทโดยมีวัตถุประสงค์จัดตั้ง เพื่อประกอบธุรกิจการศึกษา หมวดธุรกิจการบริการที่สนับสนุนการศึกษา

สำหรับ ความร่วมมือมุ่งพัฒนาการศึกษาโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างให้เด็กไทย คนไทยมีความรู้มีทักษะ ตามเป้าหมาย “สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สู่โลกอนาคต” โดยวางเป้าหมายยกระดับประเทศไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นม เพื่อหลุดจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง และมุ่งให้ไทยเป็นศูนย์กลางบล็อกเชนของโลก ซึ่งจะพารายได้เข้าประเทศและออกไปทำธุรกิจตั้งบริษัทเปลี่ยนโลกอีกมาก

“ถ้าทุกคนรู้จักบิทคับ จะพูดถึงคริปโทเคอร์เรนซีแต่จริงๆ คือ บิทคับ เปิดรับเพื่อสร้างโอกาสอาจมีหลากหลายรูปแบบ สร้างโอกาสเข้าถึงใหม่ๆ เปลี่ยนแปลงทักษะใหม่ให้คนไทย ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะทุกวันนี้ปัญหาตลาดแรงงานไทย เด็กจบใหม่ตกงานกันมาก และเด็กจบใหม่ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยี บล็อกเชนยังมีไม่เพียงพอ”

นายวิชัย ทองแตง นักลงทุน นักธุรกิจชื่อดัง และผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ เวิลด์เทค กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเชื่อมโยงคนยุคเก่ากับคนยุคใหม่ แสดงให้เห็นว่าคนยุคเก่าและยุคใหม่สามารถทำได้และเปิดใจมองอนาคตทิศทางเดียวกัน

สำหรับ บิทคับ เวิลด์เทค มุ่ง 3 ด้าน คือ 1. เราจะไม่นำเทคโนโลยี มาโกงและหลอกลวงผู้อื่น 2. เราจะเรียนรู้ที่จะสร้างสรรรค์สังคมที่ดีมีคุณธรรม และ 3. เราจะแบ่งปันความรู้และโอกาสให้แก่ผู้อื่น โดยเน้นย้ำว่าคนที่สนใจเทคโนโลยีต้องเรียนรู้อย่างถูกต้องและปลูกฝังเรื่องคุณธรรม จริยธรรม

“แนวทางความร่วมมือ กลุ่มทองแตงได้มองบิทคับและได้ศึกษาบิทคับมานาน มีความคิดอยากจะขยายความร่วมมือไปทุกหย่อมหญ้า ก่อนหน้านี้เห็นว่าบิทคับดังในเรื่องดิจิทัล แล้วจะตอบโจทย์ทั้งประเทศได้หรือไม่ หากมองไปถึงกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้เราเป็นห่วง ว่าประเทศชาติจะเป็นอย่างไร คนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมอย่างไร เรียนรู้เทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัยหรือไม่”