"หุ้นไทย"ปิดเช้านี้ร่วง 10 .77จุด ปิดที่ 1,666.10 จุด โบรกคาดบ่ายนี้ลงต่อ
"หุ้นไทย"ปิดเช้านี้ ปิดที่ 1,666.10 จุด ลดลง 10.77 จุด หรือ 0.64% มูลค่าซื้อขาย 6.51 หมื่นล้าน บล.โกลเบล็ก คาดภาคบ่ายลงต่อ มอง แนวรับ 1,660 จุด แนวต้าน 1,675จุด
ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยเช้านี้(18 ม.ค.65) ปิดที่ 1,666.10 จุด ลดลง 10.77 จุด หรือ 0.64% มูลค่าซื้อขาย 65,199.47 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โกลเบล็ก จำกัด ระบุ ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าดัชนี ปรับตัวลง ราว -10 จุด จากแรงขายทำกำไร ในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และการเงิน ส่วนกลุ่มสื่อสาร สามารถยืนในแดนบวกได้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,666.10 จุด ลดลง 10.77 จุด
สำหรับแนวโน้มดัชนีในภาคบ่ายคาดมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ เนื่องจากมีแรงขายในกลุ่ม เกษตร ยานยนต์ ค้าปลีก และโรงพยาบาล ซึ่งมี มาร์เก็ตแคปขนาดกลางคอยกดดันดัชนี
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นไม่ได้หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานมากนักเป็นสัญญาณให้ระวังแรงขาย โดยมองแนวรับ 1,660 จุด แนวต้าน 1,675 จุด
'Bluebik' วางเป้าหมายปี 65 เติบโตแข็งแกร่งไม่ต่ำกว่า 30%
คาดธุรกิจสถาบันการเงิน ประกันภัย มุ่งทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันต่อเนื่อง
Bluebik คอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำแบบครบวงจร รุกสร้างการเติบโตไม่หยุด วางเป้าหมายปี 2565 ทำรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% จากการขยายตัวของบริการหลักเกือบทุกกลุ่ม คาดดีมานด์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โชว์ผลงานรอบปีที่ผ่านมาผ่านการให้บริการลูกค้ารายใหญ่ไม่ต่ำกว่า 30 ราย มั่นใจรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่ง
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า ปี 2565 บริษัทฯ จะมุ่งสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายรายได้จากการให้บริการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าในภาคธุรกิจต่างๆ มีความต้องการด้านการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับการลงทุนในส่วนนี้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจและขีดความสามารถการแข่งขันในยุคดิจิทัล ตลอดจนปลดล็อกศักยภาพการเติบโตแก่องค์กร
ทั้งนี้ คาดว่าการเติบโตในปี 2565 จะมาจากบริการหลักเกือบทุกกลุ่ม ได้แก่ บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลแก่องค์กรต่างๆ บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) และบริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) ตลอดจนจะมุ่งสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากบริการที่ปรึกษาการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) และบริการใหม่ๆ ได้แก่ ที่ปรึกษาด้านการปรับกระบวนการทำการตลาดด้วยเทคโนโลยีและการวางกลยุทธ์การตลาดครบวงจร (Marketing Transformation & Marketing Strategy)
"ในรอบปีที่ผ่านมาเราได้เห็นบริษัทขนาดใหญ่ออกมาจากประกาศทรานส์ฟอร์มธุรกิจ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงจากการถูกดิสรัปด้วยเทคโนโลยีหรือต้องการที่จะเพิ่มศักยภาพการเติบโต โดยมองว่าเทรนด์ของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในปี 2565 ในกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงิน ธนาคาร ประกันภัย โทรคมนาคมและค้าปลีก ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตให้กับบริษัทฯ" นายพชร กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK กล่าวว่า ขณะที่ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ถือเป็นปีแห่งการเติบโตและประสบความสำเร็จด้วยการให้บริการลูกค้ารายใหญ่ไม่ต่ำกว่า 30 ราย โดยได้ขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศอินโดนีเซียและสิงคโปร์ ซึ่งรายได้ในส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้ในปี 2564 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนในการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เมื่อเดือนกันยายน 2564
ขณะที่การขยายบริการใหม่ด้านที่ปรึกษาการวางกลยุทธ์การตลาดครบวงจร (Marketing Transformation & Marketing Strategy) ยังได้รับการติดต่อจากลูกค้าและมีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งปัจจุบันมีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการและได้รับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนการดำเนินธุรกิจของบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย 40% และบริษัทฯ ถือหุ้น 60% เพื่อเติมเต็มนวัตกรรมและศักยภาพด้านดิจิทัลสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับ OR นั้น คาดว่าจะเติบโต ได้ดีในปี 2565
"เรามั่นใจว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2564 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่างานที่รับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ตามเป้าหมาย ส่งผลให้รายได้รวมทั้งปีที่คาดการณ์อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากมีดีมานด์จากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีแบ็กล็อกในปี 2565 ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตตามแผนที่วางไว้" นายพชร กล่าว