SWC จ่อลุยตลาดเครื่องดื่มผสมกัญชา ไตรมาส2/65
"เชอร์วู้ด' เล็งออกสินค้าเครื่องดื่มผสมกัญชา ไตรมาส2/65 ลุ้นรัฐปลดล็อก แจงขณะนี้ยังตรึงราคาสินค้า แม้ต้นทุนพุ่ง มั่นใจยอดขายปีนี้โต30% แตะ 2 พันล้าน
นายเถกิงพล เหล่าพิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ SWC เปิดเผยว่า หากภาครัฐมีการปลดล็อก กัญชา ไม่เป็นยาเสพติด บริษัทมีแผนที่จะออกสินค้าเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา และกัญชง
โดยบริษัทจะมีการพัฒนารสชาติที่สามารถทานง่ายและอร่อย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถออกจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาส2ปี 2565 รวมบริษัทมีแผนที่จะออกเครื่องดื่มผสมวิตามิน หรือ ฟังก์ชันนัลดริงก์ ในปีนี้เช่นกัน
ทั้งนี้หากในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของบริษัทมียอดขาย 300 ล้านบาท ก็จะลงทุนซื้อเครื่องจักรมาผลิตสินค้าเอง จากปัจจุบันที่จ้างผลิต และหาก ยอดขายแตะ 1 พันล้านบาท บริษัทจะมีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตขวดเองต่อไป
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะซื้อกิจการธุรกิจด้านเครื่องดื่ม 1 ราย เพื่อมาเสริมพอร์ตของบริษัทให้แข็งแกร่ง นอกจากนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการด้านสินค้าอุปโภคและบริโภคอีก 3 ราย ซึ่งบริษัทเตรียมเงินไว้สำหรับการซื้อกิจการปีนี้ประมาณ 1 พันล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าธุรกิจจำหน่ายอาหารพร้อมทาน(Ready to Eat)ที่ทำมาจากโปรตีนพืช (แพลนต์เบสต์) โดยจะดำเนินการภายใต้บริษัทย่อยคือ บริษัท ล้อตโต้ฟู้ดส์(ประเทศไทย)ซึ่งบริษัทถือหุ้น70% และ บริษัท ลีฟฟี่ควีน จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้า แพลนต์เบสต์ จากญี่ปุ่นซึ่งมีรสชาติเหมือนกันเนื้อสัตว์มาก และเป็นผู้พัฒนาเมนูอาหาร ถือหุ้น 30%
โดยแผนที่จะจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ พรีเมี่ยมซุปเปอร์มาเก็ตต่างๆ คาดว่าจะวางจำหน่ายได้ภายในไตรมาส2 ปี 2565 โดยอาหารที่จะวางจำหน่าย ในช่วงแรก จะเป็นเกี๊ยวซ่า ไส้กรอก เบอร์เกอร์หมู ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายอาหารพร้อมทานปีแรกอยู่ที่ 50 ล้านบาท
นายเถกิงพล กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายโต 30%หรือประมาณ 2 พันล้านบาท จากปีก่อนคาดมีรายได้ 1.7-1.8 พันล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ อาหาร ขนม เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ใช้กับสัตว์ แตะเพิ่มการจำหน่ายสินค้าทำความสะอาดให้กับบริษัททำความสะอาดลักษณะการขายแบบบริษัทต่อบริษัท (B2B)
"ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะออกสินค้าใหม่ประมาณ15 ตัว ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ทั้หมดประมาณ 1.2 พันล้านบาท แบ่งเป็น ซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า และ R&D งบโฆษณา ประมาณ100 ล้านบาท และงบในการซื้อกิจการ 1 พันล้านบาท "