KKP ผลประกอบการ 4Q64: ดีขึ้นทุกด้าน (21 ม.ค. 65)

ในขณะเดียวกัน กำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท (+24%)

 

สินเชื่อที่โตอย่างแข็งแกร่งช่วยหนุนให้ NII โตโดยที่ margin ดีขึ้น

สินเชื่อรวมเร่งตัวขึ้น (+7% QoQ และ 16% YoY) โดยเป็นการเติบโตจากสินเชื่อทุกกลุ่ม ยกเว้นที่อยู่อาศัยซึ่งยังคงลดลง 4% QoQ และ 18% YoY ในขณะเดียวกัน yield สินเชื่อเพิ่มขึ้น 10bps ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง ดังนั้น NIM จึงเพิ่มขึ้น 20bps QoQ แต่ลดลง 23bps YoY

 

มีกำไรจากการลงทุนก้อนใหญ่

รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 4Q64 โดยรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 7% QoQ และ 36% YoY ใน 4Q64 และเพิ่มขึ้น 40% ในปี 2564 ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ มาจากหลายส่วน ทั้งค่าธรรมเนียม IB fee, wealth management, ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และกำไรจากการขายการลงทุน

 

 

 

ผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาลดลง แต่กำหนด credit cost เพิ่มขึ้น

ผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาลดลงอย่างมากเหลือเพียง 489 ล้านบาทใน 4Q64 (เราคาดไว้ที่ประมาณ
620 ล้านบาท) และ 2 พันล้านบาทในปี 2564 ในขณะที่กำไรจากการขาย NPA เพิ่มขึ้นเป็น 233 ล้านบาทใน 4Q64 (จาก 92 ล้านบาทใน 3Q64) และ 585 ล้านบาทในปี 2564 (+40%) อย่างไรก็ตาม ธนาคารนำรายได้พิเศษบางส่วนไปตั้งสำรองพิเศษ คิดเป็น credit cost ที่ 200bps ใน 4Q64 (จาก 132bps ใน 3Q64) และ 177bps ในปี 2564 (เพิ่มขึ้นจาก 155bps ในปี 2563) ส่งผลให้สัดส่วน NPL coverage เพิ่มขึ้นเป็น 163% (จาก 146% ใน 3Q64)

 

Valuation and action

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนของ KKP มีผลการดำเนินงานดี ในขณะที่อัตราการเติบโตของ NII ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น เราคาดว่าผลขาดทุนที่ลดลงจากการขายรถที่ยึดมา และแรงกดดันทางด้าน credit cost ที่ลดลงในปี 2565 อาจจะทำให้ผลประกอบการมี upside จากประมาณการของเราอีก ดั้งนั้น เราจึงอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย ทั้งนี้ KKP ได้ตั้งบริษัทลูกใหม่ “KKP Dime” เพื่อขยายธุรกิจที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล

 

Risks

ขาดทุนจากขายรถที่ยึดมา, ความผันผวนของกำไรจากการค้าหลักทรัพย์, และรายได้ค่าธรรมเนียม IB