เกษตรฯ ฝ่าโควิดส่งออก 64 ยังได้ดุลคู้ค้า FTA- อาเซียน

เกษตรฯ ฝ่าโควิดส่งออก 64 ยังได้ดุลคู้ค้า FTA- อาเซียน

เกษตรฯ เผย ปี 64 ไทยได้ดุล คู่ค้า FTAส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่ม 32.8 % ขณะอาเซียน เพิ่ม 2.01 % 1 ม.ค. เริ่มคู่ค้าRCEP หวังขยายตลาดผลไม้ สินค้าประมง แป้งมันสำปะหลัง

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า แม้จะเกิดการระบาดของโควิดทั้งปี 64   แต่สถิติภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก  ยังคง แข็งแกร่ง มีมูลค่าถึง  1,273,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.96 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 1,098,475 ล้านบาท 

เกษตรฯ ฝ่าโควิดส่งออก 64 ยังได้ดุลคู้ค้า FTA- อาเซียน

โดยการค้าระหว่างไทยกับประเทศที่ไทยทำความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ( FTA) ไม่นับรวมประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี อินเดีย ฮ่องกง  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา   ภาพรวมการค้า อยู่ที่ 760,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.42%

  โดยการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย มีมูลค่ากว่า 597,634 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.81%  ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 435,120 ล้านบาท  ตลาดส่งออกที่ขยายตัวมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย จีน สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น

สำหรับสินค้าเกษตรที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางธรรมชาติ มูลค่า 159,157 ล้านบาท ผลไม้สด มูลค่า 128,818 ล้านบาท สตาร์ชและอินูลิน มูลค่า 46,979 ล้านบาท มันสำปะหลัง มูลค่า 36,034 ล้านบาท กุ้งสด  แช่เย็น แช่แข็ง มูลค่า 26,210 ล้านบาท และน้ำมันปาล์ม มูลค่า 22,349 ล้านบาท เป็นต้น

นอกจากนี้ การค้าสินค้าเกษตรของไทยกับประชาคมอาเซียน 9 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ และเวียดนาม ระหว่างเดือนม.ค. – พ.ย.  2564 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 พบว่า ภาพรวมการค้ามูลค่าการค้ารวม 402,912 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.71% 

 โดยการส่งออกสินค้าเกษตรไทย มีมูลค่า 279,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.01%  ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า คิดเป็นมูลค่า 156,563 ล้านบาท โดยที่ไทยส่งออกไปยัง มาเลเซีย เป็นอันดับหนึ่ง และรองลงมา ได้แก่ เวียดนาม และ กัมพูชา  สินค้าเกษตรส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

 เครื่องดื่มประเภทนมยูเอชที นมถั่วเหลือง มูลค่า 42,297 ล้านบาท น้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาล มูลค่า 35,054 ล้านบาท ยางพารา (ธรรมชาติ) มูลค่า 27,057 ล้านบาท ของปรุงแต่งเบ็ดเตล็ดที่บริโภคได้ มูลค่า 25,928 ล้านบาท และของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง และนม มูลค่า 22,583 ล้านบาท

นายวินิต อธิสุข รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวว่า สถิติการค้าสินค้าเกษตรไทย ยังถือว่ามีทิศทางที่ดี ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการเริ่มมีการปรับตัวตามสภาวการณ์ ทำให้ไทยมีโอกาสและแนวโน้มในการส่งออกเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้  FTA ฉบับล่าสุดของไทยที่เพิ่งจะมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ม.ค.  2565 คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่จะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรที่ไทยมีศักยภาพ จากการที่ชาติภาคีสมาชิกมีการลดและยกเลิกภาษีศุลกากรให้กับสินค้าเกษตรไทยเพิ่มเติมจาก FTA  ที่มีอยู่เดิมกับไทย เช่น ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ และแป้งมันสำปะหลัง รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการเพิ่มโอกาสในการขยายห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค

โดยผู้ประกอบการมีทางเลือกในการใช้แหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นจากการนำวัตถุดิบมาใช้ในการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า ตลอดจนการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน เช่น การลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า และการปรับประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้าให้มีมาตรฐานเดียวกัน 

และที่สำคัญ กระทรวงเกษตรฯ ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสินค้าเกษตร  ทั้งพืช ประมง และปศุสัตว์ ในทุกกระบวนการอย่างเข้มงวด ดังนั้น สินค้าเกษตรไทยจึงยังคงสามารถส่งออกได้ในตลาดโลกภายใต้สถานการณ์โควิด-19  รวมไปถึงการปฏิบัติตามแนวทางสากลในการควบคุมสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิตตามแนวทางการปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดขององค์การ FAO เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคและประเทศคู่ค้าต่าง ๆ