บล.กสิกรไทย แนะซื้อ PTT ดาวเด่นหลังน้ำมันพุ่งแรง - DTAC รับความคืบหน้าควบรวม
บล.กสิกรไทย มองหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งในกรอบ 1,610-1,645 จุด หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แต่ต้องเกาะติดภาวะเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด แนะนำ 2 หุ้นเด่น PTT รับอานิสงส์น้ำมันพุ่งแรง และ DTAC จากความคืบหน้าควบรวมกิจการ พร้อมลุ้นปันผลสูงกว่าคาด
บล.กสิกรไทย ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (31 ม.ค.- 4 ก.พ.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,645 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวจากโควิด-19 จึงยังไม่เหมาะที่จะใช้นโยบายการเงินตึงตัว
โดยธนาคารกสิกรไทยมองว่าการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนไม่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจเหมือนเดลตา เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการที่เข้มงวด เช่น การล็อกดาวน์
ประเมินว่าการส่งออกยังคงติบโต แต่จะขยายตัวได้แค่ 3-4% เท่านั้น ขณะที่การท่องเที่ยวต้องรอดูสถานการณ์หลังกลับมาใช้มาตรการ Test and Go อย่างไรก็ตามคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม
เนื่องจากมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังไม่เหมาะที่ ธปท.จะปรับขึ้นตาม Fed ที่มีสถานการณ์เหมาะสมมากกว่าเพราะมีอัตราเงินเฟ้อสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยไม่ได้สูงมากนักอยู่ที่ 1.5%
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้คาดว่าเงินบาทจะอยู่ที่ 32.00 - 32.50 บาท/ดอลลาร์ สำหรับค่าเงินบาทในปีก่อนอ่อนค่าราว 10% ซึ่งผู้ส่งออกจะต้องระมัดระวังความผันผวนที่อาจส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้
เนื่องจากขณะนี้มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีกำไรแล้วอยากให้ปิดสถานะเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนผู้นำเข้าคงต้องรออาศัยจังหวะแข็งค่าลงมาแล้วปิดสถานะ โดยในช่วงไตรมาสแรกมีความผันผวนก่อนที่เฟดจะมีนโยบายการเงินชัดเจน
ทิศทางการลงทุนเรามองตลาดหุ้นจะยังผันผวนไร้ทิศทาง โดยรอประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อต่อไปก่อน รวมถึงรอความชัดเจนนโยบายการเงินของ Fed เพิ่มเติมมากกว่านี้ ดังนั้นเราแนะนำการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีความทนทานต่อนโยบายการเงินเข้มงวดมากกว่าตลาด เช่น หุ้นกลุ่ม Value, Dividend ที่อ้างอิงการฟื้นตัวของ Domestic เป็นหลัก
โดยมีหุ้น (Top Picks) แนะนำ ดังนี้
- PTT (ราคาพื้นฐาน 43.10 บาท) คาดว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจะช่วยหนุน sentiment การลงทุนระยะสั้น ประกอบกับคาดหวังผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการขยายธุรกิจก๊าซและธุรกิจใหม่
- DTAC (ราคาพื้นฐาน 51.18 บาท) คาดว่าราคาหุ้นจะได้ sentiment หนุนตามความคืบหน้าของการควบรวมกิจการกับ TRUE และคาดหวังโอกาสจ่ายเงินปันผลสูงกว่าคาดในครึ่งปีหลัง
ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าติดตาม
- 31 ม.ค. : ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ม.ค.) ตลาดคาด 50.0
- 1 ก.พ. : ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนี (ม.ค.) ตลาดคาด 60.5, การเปลี่ยนแปลงอัตราการว่างงานในเยอรมนี (ม.ค.) ตลาดคาด -15K, ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (ม.ค.) ตลาดคาด 58, ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs (ธ.ค.) ตลาดคาด 11.075M
- 2 ก.พ. : การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจากเอดีพี (ADP) US (ม.ค.) ตลาดคาด 250K
- 3 ก.พ. : มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทั้งหมดของธนาคารกลางแห่งอังกฤษ (ก.พ.) 875B และการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ก.พ.)
- 4 ก.พ. : การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ม.ค.) US ตลาดคาด 238K, อัตราการว่างงาน (ม.ค.) US ตลาดคาด 3.9%