ธอส.ส่งสัญญาณปรับขึ้นเงินงวดหลังทิศทางดอกเบี้ยบ้านขาขึ้น
ธอส.ชี้ปีนี้ดอกเบี้ยบ้านปรับขึ้นแน่ โดยจะกระทบต่อเงินงวดผู้กู้ที่ต้องปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ระบุ หากดอกเบี้ยปรับขึ้น 0.25% เงินงวดจะปรับขึ้น 500 บาทต่อวงเงินกู้ 1 ล้านบาท จับตาหนี้เสียไหลหลังลูกค้าวงเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาท เริ่มหยุดการชำระหนี้
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)กล่าวถึง สถานการณ์อัตราดอกเบี้ยระบบสถาบันการเงินในปีนี้ว่า หากธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตามที่ได้แถลงการณ์ไว้ ก็จะเป็นแรงกดดันต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และจะส่งต่อให้เกิดการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในระบบสถาบันการเงิน ดังนั้น จึงเป็นประเด็นที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของผู้กู้ได้
“อัตราดอกเบี้ยปีนี้จะขึ้นแน่ ซึ่งเรากังวลว่า ถ้าดอกเบี้ยเฟดขึ้นแบบถี่ๆ จะกดดันให้ดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นตามไปด้วย แต่ในส่วนของไทยนั้น น่าจะปรับขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง ในส่วนของ ธอส.นั้น คงเป็นแบงก์ที่ขึ้นดอกเบี้ยช้าที่สุด”
เขากล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลงมาตลอด ฉะนั้น หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น ก็ถือว่า เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น และจะส่งผลต่อเงินงวดที่ต้องปรับขึ้นเป็นครั้งแรก ในส่วนของ ธอส.นั้น เท่าที่ประเมินจะมีลูกค้าราว 35% ที่จะถูกปรับขึ้นเงินงวด โดยหากว่า อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น 0.25% วงเงินกู้ทุกๆ 1 ล้านบาทนั้น เงินงวดจะปรับเพิ่มประมาณ 500 บาท
“ถ้าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน ปรับสูงขึ้น 0.25% จะทำให้เงินงวดผ่อนบ้านปรับสูงขึ้น 500 บาท ในทุกๆ วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ซึ่งประมาณว่า จะมีสินเชื่อในพอร์ตที่จะต้องปรับเงินงวดเพิ่มขึ้น 35% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด 1.4 ล้านล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม ใน 35% นั้น แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำ กับลูกค้าที่มีอาชีพอิสระ อย่างละ 50% ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่น่าเป็นห่วงที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มลูกค้าที่มีอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่แน่นอน
สำหรับในปี 2565 ธอส.ถูกตั้งเป้าหมายว่า จะต้องขยายสินเชื่อใหม่ให้ได้ 3-5% ของเป้าหมายสินเชื่อในปี 2564 อยู่ที่ 2.15 แสนล้านบาท และบริหารจัดการหนี้เสียให้ไม่เกิน 5% จากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 4% ซึ่งยังถือว่า อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้
ส่วนปี 2564 ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 2.47 แสนล้านบาท สูงขึ้น 9.65% จากปีก่อนหน้า และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.12 หมื่นล้านบาท ซึ่งสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ในปีดังกล่าว ถือว่า อยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 68 ปี
ทั้งนี้ สาเหตุสินเชื่อบ้านในปี 2564 สามารถปล่อยได้สูงนั้น เนื่องมาจาก ภาวะดอกเบี้ยต่ำในปีที่แล้ว และผลจากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ เช่น การปรับลดค่าธรรมเนียมในการโอนและจำนอง
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ปรับลดราคาบ้านลงมา ทำให้ผู้ซื้อบ้านในระดับราคามากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไปมีมากขึ้น ขณะที่ คนรายได้น้อยที่ซื้อบ้านในระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ลงมามีน้อยลง อีกทั้ง เมื่อธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อโดยเลือกกลุ่มลูกค้าเฉพาะระดับ A หรือ A บวก ทำให้ลูกค้ากลุ่มที่เหลือไหลลงมาขอกู้กับธอส.มากขึ้น
สำหรับความแข็งแกร่งของ ธอส.นั้น ธนาคารมี BIS Ratio อยู่ที่ 15.30% สูงกว่ามาตรฐานขั้นต่ำที่ ธปท.กำหนดไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 8.50 % และมีการกันสำรองสูงถึง 190% ของสินทรัพย์เสี่ยง
เขากล่าวด้วยว่า หลังจากที่ ธอส.ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเงินกู้บ้านโดยลดวงเงินงวดต่อเดือนลงมา จนถึงปัจจุบันมีลูกหนี้ที่ทั้งที่เข้าร่วมโครงการและไม่ได้เข้าร่วมโครงการรวมวงเงินกู้ 9 พันล้านบาท จากลูกค้าที่เข้าโครงการที่มีวงเงินกู้รวม 1.2 แสนล้านบาท ที่ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ และอีก 1.1 หมื่นล้านบาท ที่เป็นลูกค้าไม่ได้เข้าร่วมมาตรการ แต่ไม่ได้ชำระหนี้ตามปกติ รวมวงเงินกู้ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ก้อนนี้ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องติดตามว่าจะกลายเป็นหนี้เสียหรือไม่ภายในมี.ค.นี้
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์