ผู้ติดเชื้อโควิค-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปิดปรับตัว +1 จุด ทรงตัวช่วงปิดตลาด เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ในการขับเคลื่อนดัชนี โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มปิโตรฯ และการเงิน
นักลงทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ ในวันที่ 3 ก.พ. 65 และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,669.05 จุด +1.30 จุด +0.08% มูลค่าการซื้อขาย 68,034 ลบ. ต่างชาติ -54.09 ลบ. TFEX +30,851 สัญญา ตราสารหนี้ +1,677.63 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ +2.3% ปิดที่ 90.72 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบเกือบ 8 ปีนับตั้งแต่ 6 ต.ค. 2557 ได้แรงหนุนจากคาดการณ์สภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดทั่วสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและทำให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย และการที่กลุ่มโอเปคพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมครั้งล่าสุด
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหราชอาณาจักร ปรับตัวสู่ระดับ 54.1 ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.6 ในเดือนธ.ค. และยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ขั้นต้นที่ระดับ 53.3
+ BOI เปิดเผยว่า สถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2564 มีมูลค่ารวม 642,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59%YoY จำนวนโครงการรวม 1,674 โครงการ เพิ่มขึ้น 5%YoY โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการแพทย์
+ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยการใช้สิทธิประโยชน์ สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วง 11M64 (ม.ค.-พ.ย.64) มีมูลค่ารวม 69,746.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 34.13%YoY
+ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่ามาตรการคนละครึ่ง เฟส 4 ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. และมาตรการช้อปดีมีคืนจะส่งผลให้เงินสะพัดในช่วง 1Q65 ประมาณ 90,000-1 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 1-1.3%
ปัจจัยลบ
- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 9,909 ราย ATK 4,973 ราย มีผู้เสียชีวิต 22 ราย รักษาหาย 7,827ราย
- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 518.17 จุด -1.45% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 3.7% ปรับตัวลงรุนแรงที่สุดตั้งแต่เดือนก.ย. 2563 หลังจากบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กทรุดตัวลงกว่า 26% และฉุดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียรายอื่น ๆ ดิ่งลงด้วย
- ปธน.ยูเครนเตือนว่าการสู้รบกับรัสเซีย ซึ่งตรึงกำลังทหารกว่า 100,000 นายตามแนวชายแดน จะลุกลามจนกลายเป็นสงคราม "เต็มอัตราศึก" และจะส่งผลกระทบต่อทั้งทวีปยุโรป
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมแต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อได้พุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนม.ค. 65 ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงของแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50%ตามที่ตลาดคาดเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปีโดยพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธ.ค. สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
- สหรัฐรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 ในเดือนม.ค. ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 57.6 ในเดือนธ.ค.
- สหรัฐจะยังคงคว่ำบาตรรัฐบาลทหารเมียนมาต่อไป รวมถึงผู้มีส่วนช่วยให้คณะทหารยึดอำนาจการปกครองได้สำเร็จ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจาก PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ เร่งตัวขึ้นเฉียด 1 หมื่นราย มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,660-1,675 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ชุดตรวจ ATK : SMD WINMED TM
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาใช้มาตรการ Test&Go และ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 : ERW CENTEL MINT AOT AAV BA ASAP
• หุ้น Value Play : KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC
หุ้นรายงานพิเศษ
CPN - “มุมมองบวกต่อการเติบโตตั้งแต่งวด 4Q64 เป็นต้นไป”
(Bloomberg Consensus 65.00 บาท)
•คาดแนวโน้มรายได้ 4Q64 จะอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเทียบ YoY เนื่องจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะโอนลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า แต่คาดรายได้จะขยายตัวแรงเมื่อเทียบ QoQ ฟื้นจากธุรกิจให้เช่าที่มีการฟื้นตัวของ traffic กลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 (ระดับ traffic เดือน ต.ค.-พ.ย. = 65-70% ส่วนเดือน ธ.ค. = 85-90%) ประกอบกับส่วนลดค่าเช่าที่ปรับลดเหลือ 28-30% จาก 56% ในไตรมาสก่อน ส่วนธุรกิจโรงแรมฟื้นโตดี 120%yoy หลังผ่านช่วง Lockdown ใน 3Q64 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการที่อั้นมาจากช่วงก่อนหน้านี้ ประกอบกับได้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วยเสริม
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อการเติบโตตั้งแต่งวด 4Q64 เป็นต้นไป คาดจะเห็นการฟื้นตัวทั้งกลุ่มธุรกิจเดิมและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มจาก SF โครงการ JV-MegaBangna ไตรมาสละราว 140 ลบ. เบื้องต้น Bloomberg Consensus คาดกำไรงวด 4Q64 ราว 1,966 ลบ. -3%YoY +758%QoQ และคาดกำไรปี 64 เฉลี่ย 6,214.50 ลบ. -35%yoy ส่วนปี 2565 คาดฟื้นโตแรงจากฐานต่ำและเป็นการควบรวมงบการเงินกับ SF เต็มปี Bloomberg consensus คาดกำไรปี 65 เฉลี่ย 9,570.64 ลบ. +54%yoy เนื่องจาก Traffic Recovery ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่ลดลง และการเปิดบริการศูนย์การค้าใหม่ที่จ.จันทบุรี ขณะที่การกู้เงินเพิ่มเพื่อใช้ลงทุนเพิ่มในดีล M&A มีต้นทุนทางการเงินต่ำโดยมี cost of fund ค่อนข้างต่ำที่ 1.8% ณ ปลายงวด 3Q64 เทียบกับ 2.25% ณ ปลายปี 63
หุ้นมีข่าว
(+) TOP (Bloomberg Consensus 63.00 บาท) คาดปีนี้ค่าการกลั่น (GRM) กลับไปอยู่ในระดับก่อนเกิดโควิดที่ 4-5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ดีมานด์ดีเซล-เบนซินแกร่ง ส่วน Jet ฟื้น ส่องราคาน้ำมันทรงตัวสูงไม่ต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซัพพลายตลาดโลกตึงตัว เดินหน้าขยายลงทุนตามแผน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) GULF (Bloomberg Consensus 46.63 บาท) GULF นำทัพ ADVANC ผนึกยักษ์ Singtel เดินหน้าดาต้า เซ็นเตอร์ระดับโลก นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้และมุ่งเน้นพลังงานสะอาดรองรับการใช้งานระดับโลก คาดแผนธุรกิจ-สัดส่วนถือหุ้นชัดเจนไตรมาส 1/2565 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) III (Bloomberg Consensus 17.95 บาท) มองทิศทางธุรกิจขนส่งไตรมาสแรก 2565 สดใสต่อเนื่อง ตามค่าระวางเรือที่ยังสูง เตรียมรับรู้รายได้ใหม่ระบบรางหนุนผลงานปีนี้ และอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างชาติอีก 2-3 ราย ลุยขยายเส้นทางการขนส่ง ลาว-จีน ด้านกำไรจากการลงทุนปีนี้ยังสูงต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) FSMART (Bloomberg Consensus 12.50 บาท) ลุยเพิ่มบริการใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดบริการรับชำระเงินสมทบประกันสังคม มาตรา 39 และมาตรา 40 ผ่านเคาน์เตอร์แคชเชียร์ "CenPay Powered by บุญเติม" ทั่วประเทศกว่า 1,700 จุด เชื่อกระแสตอบรับดี ดันยอดการใช้งานปีนี้พุ่งขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)