KCE ผลประกอบการ 4Q64: กำไรจากธุรกิจหลักตํ่ากว่าที่คาดไว้

KCE ผลประกอบการ 4Q64: กำไรจากธุรกิจหลักตํ่ากว่าที่คาดไว้

กำไรสุทธิของ KCE ใน 4Q64 อยู่ที่ 701 ล้านบาท (+84% YoY, +16% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของ KGI 4% และต่ำกว่าของนักวิเคราะห์ในตลาด 7% แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 646 ล้านบาท (+79% YoY, +7% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 12%

สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำเกินคาด ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2564 อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท
(+120% YoY)

 

ยอดขายเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

ยอดขายของ KCE ใน 4Q64 อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท (+23% YoY, +11% QoQ) ส่งผลให้ยอดขายในปี 2564 อยู่ที่ 1.49 หมื่นล้านบาท (+30% YoY) แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายใน 4Q64 จะอยู่ที่ 126 ล้านดอลลาร์ฯ (+13% YoY, +9% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 4% ส่งผลให้ยอดขายในปี 2564 อยู่ที่ 468 ล้านดอลลาร์ฯ (+26% YoY) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานปี 2564 ของเรา ทั้งนี้ยอดขายในปี 2564 ได้โมเมนตั้มด้านบวกจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลงไป และการขยายกำลังการผลิต ซึ่งเมื่อแบ่งตามประเภทสินค้า ยอดขาย PCB แบบ 2-layer และ 4-layer คิดเป็นสัดส่วนถึง 58% ของยอดขายรวมใน 4Q64 และเมื่อพิจารณาจากทำเลที่ตั้ง ยอดขายไปยุโรปคิดเป็นสัดส่วนสูงที่สุดที่ 50% ของยอดขายรวมใน 4Q64

 

 

อัตรากำไรขั้นต้นต่ำเกินคาด

อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q64 อยู่ที่ 25.3% (+1.1ppts YoY, -1.9ppts QoQ) ต่ำกว่าประมาณการ 4Q64 ของเราที่ 29.5% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2564 อยู่ที่ 26.6% (+4.8 ppts YoY) ต่ำกว่าสมมติฐานปี 2564 ของเราที่ 27.8% เนื่องจากมีสัดส่วนยอดขาย PCB แบบ 2-layer และ 4-layer เพิ่มขึ้น (ตามปกติจะมี margin ต่ำกว่า) ส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ใน 4Q64 อยู่ที่ 401 ล้านบาท (+3% YoY, +2% QoQ) ส่งผลให้ค่าใช้จ่าย SG&A ในปี 2564 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (+14% YoY) สะท้อนถึงยอดขายและค่าใช้จ่ายจากมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน COVID-19 ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายใน 4Q64 จึงอยู่ที่ 9.6% ลดลงจาก 11.4% ใน 4Q63 และ 10.4% ใน 3Q64

 

Valuation

เนื่องจากรายได้ 70% ของ KCE เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และ 50% ของรายได้รวมมาจากยุโรป (หนึ่งในสองตลาดหลักของ EVs) เราจึงเชื่อว่า KCE จะได้อานิสงส์จากกระแสโลกในด้านนี้ เราคาดว่าผลการดำเนินงานที่ต่ำเกินคาดใน 4Q64 เป็นการสะดุดชั่วคราว และเราจะอัพเดตแนวโน้มอีกครั้งหลังร่วมประชุมนักวิเคราะห์ของบริษัท เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 เอาไว้เท่าเดิมที่ 120 บาท อิงจาก PER ที่ 44.0x (คิดเป็น PEG ที่ 1.1X จากอัตราการเติบโตของ EPS ปี 2565) และคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

Risk

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2565-66 ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)