ผู้เชี่ยวชาญคาดนักลงทุนหันมาซื้อคริปโทฯ มากขึ้น เหตุดอกเบี้ยพุ่ง
นายทอม ลี นักวิเคราะห์จากบริษัทฟันด์สแตรทได้ออกมาให้ความคิดเห็นในเชิงบวกเกี่ยวกับอนาคตของบิตคอยน์ และสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากบรรดาธนาคารกลางส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ ต่างได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์กลุ่มดังกล่าวร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ คาดว่า จะมีการประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้ง ภายในปีนี้
"อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มว่าจะพุ่งกลับไปแตะระดับเดียวกับเมื่อ 30 ปีก่อน" นายลี เผยในรายการ "Crypto World" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี "ซึ่งหมายความว่าในช่วง 10 ปีต่อจากนี้นักลงทุนอาจขาดทุนจากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลเป็นเงินเกือบ 60 ล้านล้านดอลลาร์
ดังนั้นคำถามก็คือ เงินทุน 60 ล้านล้านดอลลาร์ ในส่วนนี้จะไหลไปสู่ที่ใดเพื่อที่จะทำกำไรกลับคืนมา การคาดการณ์เบื้องต้นก็คือ อาจเป็นการลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG แต่ที่ ผมคิดว่าอาจเป็นไปได้มากกว่าก็คือ เม็ดเงินเก็งกำไรหุ้นจะไหลออกจากพันธบัตรรัฐบาล และไหลเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีแทน" นายลี กล่าว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีได้เติบโตและมีความหลากหลายมากขึ้น โดยนอกจากบิตคอยน์แล้ว ยังมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากมาย เช่น บริการด้านการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง, NFT, เหรียญสเตเบิลคอยน์, เหรียญอัลต์คอยน์ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังคงต้องพิสูจน์ตนเองในแง่ความน่าเชื่อถือ เพื่อให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในระดับเดียวกับบิตคอยน์
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์