เทรนด์"เช่า"มาแรง!!ขาลรับกำลังซื้อหด
“เศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ” สกัดการเติบโตอสังหาฯเพื่อขาย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ระบุ เทรนด์การเช่าที่อยู่อาศัยฮอตเหตุตอบโจทย์สถานะการเงินของผู้บริโภคยุคข้าวยากหมากแพง
นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า แม้การเริ่มต้นศักราชใหม่ในปี 2565 นี้อาจไม่ได้สดใสตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ ทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคมายาวนาน นอกจากนี้ยังมีภาวะ"เงินเฟ้อ"ที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่า อัตราเงินเฟ้อล่าสุด ณ เดือนมกราคมปรับเพิ่มมาที่ 3.23% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 1.7% ส่งผลกระทบกับผู้บริโภคโดยตรงทั้งในฝั่งของค่าครองชีพและภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยหรือใช้เวลาในการตัดสินใจนานขึ้น
ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่เปิดตัวแผนธุรกิจรุกตลาดในปีนี้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าโปรโมชั่นการตลาดต่าง ๆ จะช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐที่เอื้อต่อการซื้อบ้าน อาทิ การลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ชั่วคราวของ ธปท. ถือเป็น"ปัจจัยบวก"ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และยังเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อที่มีความพร้อมในช่วงนี้ เพราะราคาที่อยู่อาศัยมีความเหมาะสมและคุ้มค่า ก่อนที่โครงการใหม่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดและมีการปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนปัจจุบัน
รายงาน DDproperty Thailand Property Market Report Q1 2565 ฉบับล่าสุดเผยข้อมูลเชิงลึกของตลาดอสังหาฯ ไทยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565
เทรนด์เช่ายังไม่แผ่ว ความต้องการพุ่งกว่า 22%
เทรนด์การเช่าที่อยู่อาศัยยังคงตอบโจทย์สถานะการเงินของผู้บริโภคยุคนี้ เห็นได้จากดัชนีค่าเช่าที่มีแนวโน้มลดลงซึ่งเอื้อต่อการเช่าในอัตราค่าเช่าที่ถูกลงตามกำลังซื้อผู้บริโภค รายงาน DDproperty Thailand Property Market Report Q1 2565 - Powered by PropertyGuru DataSense พบว่า ดัชนีค่าเช่าในกรุงเทพฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 90 จุด จาก 93 จุด หรือลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ไม่มีการแพร่ระบาดฯ พบว่าลดลงถึง 13%
โดยดัชนีค่าเช่าคอนโดมิเนียมลดลงมากที่สุด 2% จากไตรมาสก่อน เป็นผลกระทบจากการล็อกดาวน์ที่ทำให้ผู้เช่าชาวไทยและต่างชาติหายไปจากตลาดเป็นเวลานาน ผู้ให้เช่าจึงต้องปรับลดราคาเพื่อกระตุ้นการตัดสินเช่ากับกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่แทน
สวนทางกับดัชนีค่าเช่าบ้านเดี่ยวที่เพิ่มขึ้นถึง 6% ส่วนดัชนีค่าเช่าทาวน์เฮ้าส์ยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับเทรนด์การหาที่อยู่อาศัยทั้งซื้อและเช่าที่แนวราบยังคงตอบโจทย์มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดเช่าทุกรูปแบบยังคงมีทิศทางเติบโต เห็นได้ชัดจากความต้องการเช่าในไตรมาสนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 22% โดยคอนโดมิเนียมครองใจผู้เช่ามาเป็นอันดับ 1 ด้วยความต้องการเช่าที่เพิ่มสูงถึง 26% จากไตรมาสก่อน ตามมาด้วยบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% และ 10% ตามลำดับ
สวนทางกับจำนวนอุปทานอสังหาฯ สำหรับเช่าปรับตัว"ลดลง"อย่างมากถึง 24% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 47% จากปีก่อนหน้า โดยปรับตัวลดลงทุกรูปแบบที่อยู่อาศัยจากไตรมาสก่อน ทั้งคอนโดมิเนียมที่ลดลง 24% (เพิ่มขึ้น 48% จากปีก่อนหน้า) บ้านเดี่ยวลดลง 27% (เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า) ทาวน์เฮ้าส์ ลดลง 15% (เพิ่มขึ้น 46% จากปีก่อนหน้า)
สะท้อนให้เห็นว่า ยังเป็นโอกาสที่ดีของผู้ที่มีอสังหาฯ ในมือที่จะนำออกมาปล่อยเช่าเพื่อรองรับความต้องการในตลาดช่วงนี้แทนการประกาศขาย ซึ่งถือว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลาในการทำกำไรจากการขายได้ดีมากนัก