ผู้ใช้ "เบนซิน" เฮ “พลังงาน” เล็งออกมาตรการช่วยเหลือ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวชี้แจง ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง โดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ในช่วงค่ำวันที่ 17 ก.พ.2565 ว่า รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งประชาชน อยากให้เข้าใจสถานการณ์วิกฤติโลก ซึ่งใช้เงินช่วยเหลือด้านพลังงานตั้งแต่ปี 2563-2565 แล้วกว่า 1.6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน 2.7 หมื่นล้านบาท น้ำมันดีเซล 3.3 หมื่นล้านบาท ค่าไฟฟ้า และก๊าซเอ็นจีวี ให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 3 บาทต่อลิตร และตรึงราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จึงนำเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1 บาท และช่วงพยุงราคาดีเซลขายปลีก 2 บาท ถึงวันที่ 31พ.ค.2565

ทั้งนี้ กระทรวงฯ เตรียมที่จะออกมาตรการบรรเทากลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาคาดว่าจะออกมารูปแบบไหน และจะออกมาตรการมาเร็วๆ นี้ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ควบคู่ครอบคลุมราว 40 ล้านคนทั่วประเทศ ให้ที่ได้รับการดูแลลดค่าใช้จ่ายสินค้าอุปโภค บริโภค และกระตุ้นเศรษฐกิจ

“ทั้งหมดทั้งปวงราคาพลังงานทั้งดีเซล และเบนซินต่อจากนี้จะพยายามประคับประคองไม่น่าแพงกว่า 8 ปีที่แล้ว อยากเปรียบเทียบประเทศเพื่อนบ้าน เราอยู่อันดับกลางๆ เทียบกับเขาราคาขายปลีกเราไม่แพง รัฐพยายามดูแลคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ บางประเทศมีคุณภาพน้ำมันแตกต่างกับเรา คุณภาพด้อยกว่า ราคาอาจถูก และแตกต่างกัน เราติดตามใกล้ชิดทุกสถานการณ์ให้เกิดความมั่นใจว่าเรารักษาความสามารถความแข่งขันได้” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาวางแนวทางบริหารราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลภายหลังจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2565 มีผลทำให้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจากเดิมจัดเก็บ 5.99 บาทต่อลิตร ปรับเป็น 3.20 บาทต่อลิตร หรือลดลง 2.79 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกลดลงทันที 2 บาทต่อลิตร

สำหรับ สภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีรายจ่ายเดือนละ 8,191 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายน้ำมันเดือนละ 6,117 ล้านบาท และรายจ่ายก๊าซ LPG เดือนละ 2,075 ล้านบาท โดยประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ติดลบ 18,151 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 7,610 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 25,761 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เตรียมหาแหล่งเงินอื่นที่จะช่วยเพิ่มเติมเพื่อพยุงค่าครองชีพประชาชนเพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อน เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และสำนักงบระมาณ เพื่อวางมาตรการช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะแถลงมาตรการที่ชัดเจนอีกครั้ง

ในส่วนของราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนที่ตรึงราคา 318 บาทต่อถัง ต่อ 15 กิโลกรัม มา 2 ปี จนถึงวันที่ 31 มี.ค.2565 อาจจะขึ้นราคาตามแผนคือ ขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัม ทุกไตรมาสหรือปรับขึ้นเป็น 333 บาทต่อถังขนาด 15 กก. ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาในช่วงนั้น และอาจจะเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเป็น 100 บาทต่อคนเป็นเวลา 3 เดือน จากเงินช่วยเหลือปัจจุบันที่ 45 บาท ส่วนอีก 55 บาท จะพยายามหาเงินช่วยเหลือ

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์