ซีพีเอฟ X สิงห์ ขยายฐานลูกค้า ชูโปรดักต์เรือธง สร้างประสบการณ์ใหม่
ผ่ากลยุทธ์ จากยักษ์ใหญ่ ซีพีเอฟ ผู้นำธุรกิจอาหาร ผนึกกับ “บุญรอดเทรดดิ้ง” บิ๊กเครื่องดื่ม นำ 2 ผลิตภัณฑ์ “CP โบโลน่าพริก” มาจับคู่กับ “สิงห์เลมอนโซดา” ลุยแคมเปญการตลาด “สายดื่ม...ต้องมี CP โบโลน่าพริก”
ปัจจุบันกลยุทธ์การตลาดด้านความร่วมมือ(Collaboration : X) ของแบรนด์ข้ามค่าย ข้ามสายพันธุ์เกิดขึ้นอย่างคึกคัก เพราะไม่เพียงแค่แบรนด์ต้องการ “รวมพลัง” สร้างอิมแพ็คให้ตลาดสินค้าและบริการนั้นๆ แต่ยังเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้ผู้บริโภค ปลุกตลาดให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น
ล่าสุด ยักษ์ใหญ่ “ซีพีเอฟ” ผู้นำธุรกิจอาหาร ผนึกกับ “บุญรอดเทรดดิ้ง” บิ๊กเครื่องดื่ม นำ 2 ผลิตภัณฑ์ “CP โบโลน่าพริก” มาจับคู่กับ “สิงห์เลมอนโซดา” ลุยแคมเปญการตลาด “สายดื่ม...ต้องมี CP โบโลน่าพริก”
อนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาดกลาง ซีพีเอฟ เล่าที่มาของแคมเปญ เกิดจากการเห็นเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคในต่างประเทศโดยเฉพาะสายดื่ม สายปาร์ตี้ นิยมบริโภคเครื่องดื่มคู่กับ “กับแกล้ม” ต่างๆ ซึ่งเป็นวิถีปกติที่อาหารจะต้องมาคู่เครื่องดื่มเป็น combination ที่ขาดกันไม่ได้
ขณะที่ CP โบโลน่าพริก เดิมการบริโภคหลักคือเป็นทั้งเมนูโปรดในมื้อหลัก และของว่างทานเล่นระหว่างมื้อ เมื่อเห็นโอกาสจับคู่เครื่องดื่มจะช่วยเพิ่ม “โอกาส” หรือ Occation ในการรับประทานสินค้ามากขึ้น ผ่านการเจาะกลุ่มเป้าหมายสายดื่ม เพราะไม่เพียงกระตุ้นการบริโภคส่วนบุคคล แต่ยังตอบโจทย์โมเมนต์ที่สร้างความสุข สนุกสนานให้กับแก๊งก๊วนดื่มด้วย
นอกจากนี้ เหตุผลที่เลือก “CP โบโลน่าพริก” มาเป็นพระเอกลุยแคมเปญดังกล่าว เพราะการใช้สินค้ายอดฮิตติดลมบนมาทำตลาด จะสร้างผลกระทบเชิงบวกกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าการออกสินค้าใหม่ ปลุกความตื่นเต้น และกระตุ้นเกิดกระแสการบริโภค ผลักดันการเติบโตยอดขายสินค้า ท่ามกลางสถานการณ์กำลังซื้อที่ส่งสัญญาณดีขึ้น จากปัจจัยที่ผู้บริโภคต้องการกลับมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้นหลังเผชิญโรคโควิด-19 ระบาดมายาวนาน
“การผนึกกำลังของแบรนด์ที่มีฐานผู้บริโภคใหญ่ จะช่วยสร้างอิมแพ็คได้มากกว่าได้ทั้งความซ่าพร้อมความแซ่บ ส่วนการดึงสินค้ายอดนิยมอย่าง CP โบโลน่าพริกมาทำแคมเปญครั้งนี้ จะมีผลตอบรับแรงกว่าสินค้าที่พัฒนาใหม่ หรือ NPD ต้องอออกสตาร์ทจากศูนย์”
ทั้งนี้ เพื่อให้กลยุทธ์ความร่วมมือเพิ่มพลังให้แบรนด์ยิ่งขึ้น ได้ดึง “มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เนื่องจากเป็นศิลปิน นักแสดงตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีฐานแฟนคลับนับล้านทั้งในและต่างประเทศ โดยเดือนเมษายนนี้ ซีพีเอฟ จะเสริมทัพด้วยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูสีฟในโลกเสมือนจริงหรือ Metaverse สร้างปรากฏการณ์ตลาดอีกครั้ง รวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ เพิ่มเอ็นเกจเมนต์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งไฮไลท์กิจกรรมมีทั้งเล่นเกมรับของรางวัล เซอร์ไพรส์พิเศษอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม แคมเปญดังกล่าวใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาของการทำตลาดประมาณ 3 เดือน คาดว่าจะผลักดันการบริโภค CP โบโลน่าพริกเพิ่ม กระตุ้นการเติบโตยอดขายอัตรา 2 หลัก
“แคมเปญ สายดื่ม...ต้องมี CP โบโลน่าพริก ต้องการสร้างแบรนด์ให้ครองใจผู้บริโภคหรือ Top of mind เพิ่มโอกาสในการบริโภคจับคู่กับสายดื่ม เติมโมเมนต์ความสนุก อร่อยให้กลุ่มเป้าหมาย รวมถึงตอกย้ำแบรนด์ในการมุ่งเข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีโลกแห่งทางเลือกอย่างมาก”
อย่างไรก็ตาม การทำตลาดของซีพีเอฟ ยังมุ่งมั่นรักษามาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์กลุ่มไส้กรอก ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี สด สะอาด ปลอดภัย ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาตรฐานระดับโลก และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ พร้อมเดินหน้าวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ตอบสนองผู้บริโภคทุกกลุ่ม
พรรณทิพย์ ลีตะชีวะ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด หรือสิงห์ กล่าวว่า สิงห์มีพอร์โฟลิโอผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่หลากหลาย ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น โซดา เครื่องดื่มอัดลม ท่ีล่าสุดออกสิงห์ เลมอนโซดา เข้าทำตลาดกว่า 1 ปี และผู้บริโภคให้การตอบรับอย่างดี ขณะที่การนำเครื่องดื่มดังกล่าวจับคู่กับของทางเล่นหรือกับแกล้มอย่าง CP โบโลน่าพริก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากขึ้น ช่วยขยายฐานลูกค้าทั้ง 2 แบรนด์เพิ่มขึ้น และผลักดันยอดขายให้เติบโต
ทั้งนี้ เดือนพฤษภาคม ยังเตรียมจัดโปรโมชั่นพิเศษ ตอบโจทย์ความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายด้วย
“สายกินดื่มต้องการกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม การร่วมกับซีพีเอฟ ทำแคมเปญ สายดื่ม...ต้องมี CP โบโลน่าพริก ถือเป็นการปลุกความสนุกสนานให้คืนกลับมา พร้อมสร้างโอกาสในการบริโภคสินค้าทั้ง 2 แบรนด์ให้มีการเติบโต ซึ่งแคมเปญนี้ยังสอดรับกับไฮซีซั่นของเครื่องดื่มสิงห์เลมอนโซดา ในช่วงซัมเมอร์ด้วย"