CBG การเติบโตเปลี่ยนทิศ (23 กุมภาพันธ์ 2565)

CBG การเติบโตเปลี่ยนทิศ (23 กุมภาพันธ์ 2565)

หลังจากที่ส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังลดลงมา 3 ปีติดต่อกัน โดยส่วนแบ่งตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ 20.7% (จาก 21.4.%/22.6% ในปี 2563/2562)

เราคิดว่าสินค้าประเภทนี้ถึงจุดอิ่มตัวของวัฏจักรแล้วและไม่น่าจะเร่งการเติบโตได้อีก ซึ่งบีบให้บริษัทต้องหันไปหาการเติบโตจากสินค้ากลุ่มอื่นแทน โดยบริษัทมีแผนจะออกสินค้าใหม่ในหมวดกัญชงอีก 1-2 SKUs ในกลางปี 2565 ซึ่งหากบริษัทประสบความสำเร็จจะถือเป็นจุดพลิกผัน (game changer) แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าในเบื้องต้นแนวทางนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในแง่การมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อแลกกับการเติบโตของปริมาณยอดขาย ดังนั้น เราจึงยังไม่ได้รวมต้นทุนและรายได้ส่วนนี้เข้ามาไว้ในประมาณการปี 2565-2566 ของเรา

 

Margin จะยังถูกกดดันไปอีกนาน

บริษัทกำลังพิจารณาปรับเพิ่มราคาขาย (ASP) ด้วยการลดค่า rebate ที่จ่ายให้กับคู่ค้า ซึ่งหมายความว่าดีลเลอร์ของบริษัทจะต้องแบก ASP ที่แพงขึ้น และยอมรับ margin ที่ลดลง โดยคาดว่า ASP ของตลาดในประเทศจะเพิ่มขึ้น 1-2% และของตลาดส่งออกจะเพิ่มขึ้น 3-5% เราคิดว่าการปรับราคาจะช่วยชดเชยแรงกดดันทางด้านต้นทุนจากวัตถุดิบหลัก (น้ำตาล และ อลูมิเนียม) ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นอีก 10% QTD ไปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อใช้สมมติฐานว่า GPM ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 4Q64 เราคาดว่า GPM เฉลี่ยในปี 2565 จะต่ำกว่าในปี 2564

 

 

 

รุกสร้างการเติบโตของการส่งออกไปจีนและอังกฤษ

CBG ปรับกลยุทธ์ในอังกฤษโดยเปลี่ยนมาใช้โรงงาน OEM ในฮอลแลนด์เป็นฐานในการเจาะธุรกิจในอังกฤษเพื่อลดต้นทุน logistic โดยบริษัทคาดว่าธุรกิจในอังกฤษจะฟื้นตัวขึ้น 50-60% ในปี 2565 ในขณะเดียวกัน CBG ยังปรับกลยุทธ์ธุรกิจในประเทศจีนมาเจาะตลาดนอกเขตเมืองเพื่อสร้างการเติบโตให้ได้ 50-60% อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังเมียนมาร์ และกัมพูชาน่าจะฟื้นตัวได้อย่างช้า ๆ และไม่ง่ายที่จะสร้างการเติบโตให้ได้ถึงสองหลักในปี 2565 ทั้งนี้ เนื่องจากยอดขายในอังกฤษไม่ได้มากอย่างมีนัยสำคัญ (2% ของมูลค่าการส่งออกรวม, <1% ของรายได้รวม) และคำสั่งซื้อจากจีน (13% ของยอดส่งออก, 6% ของรายได้รวม) มา ๆ หาย ๆ จึงน่าจะทำให้ธุรกิจส่งออกผันผวนในปี 2565

 

De-rate P/E เหลือ 27x (จากเดิม 30x) และปรับลดราคาเป้าหมายปี 2565F เหลือ 84 บาท (จาก 102 บาท)

เราปรับสมมติฐานสำคัญ (โครงสร้างรายได้) แต่ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565/2566F เอาไว้เท่าเดิม สำหรับในระยะต่อไป เราคาดว่า profile การเติบโตของ CBG จะขึ้นกับปัจจัยที่ไม่แน่นอน และเนื่องจากแนวโน้มการเติบโตในระยะต่อไปยังคงท้าทาย เราจึง de-rate P/E เหลือ 27x (ค่าเฉลี่ยระยะยาว - 1 S.D.) จากเดิมที่ 30x ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 84 บาท (ลดลงจากเดิมที่ 102 บาท) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำขาย CBG

 

Risks

GPM ลดลง, รายได้ในตลาด CLMV โตต่ำกว่าที่คาด, เร่งการเติบโตในประเทศจีนไม่สำเร็จ China