"อินเวสทรี" แพลตฟอร์มคราวด์ฟันดิง ตั้งเป้าปี 65 ออกหุ้นกู้ SMEs หลักพันล้านบาท

"อินเวสทรี" แพลตฟอร์มคราวด์ฟันดิง ตั้งเป้าปี 65 ออกหุ้นกู้ SMEs หลักพันล้านบาท

"อินเวสทรี" เผยผลงานปี 64 เติบโตก้าวกระโดดมากกว่า 300 เท่า พร้อมเปิดแผนปี 65 ตั้งเป้าออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเพื่อสนับสนุนการระดมทุนของ SMEs กว่า 1,000 ล้านบาท

นางสาวณัทสุดา พุกกะณะสุต ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเวสทรี ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทจะต่อยอด และขยายธุรกิจไปสู่ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นักลงทุน และพันธมิตร มากยิ่งขึ้น

โดยตั้งเป้าจะขยายมูลค่าหุ้นกู้ที่ออกประมาณ 5 เท่าหรือกว่า 1,000 ล้านบาท ขยายจำนวนนักลงทุน 8 เท่าหรือให้มากกว่า 320 ราย ซึ่งจะมีทั้งนักลงทุนสถาบันที่อยู่ระหว่างการลงทะเบียน และกองทุนต่างประเทศที่กำลังพิจารณาลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในสินเชื่อ P2P ในต่างประเทศอยู่แล้ว

รวมไปถึงแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ ที่ให้บริษัทเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชน และในกลุ่มที่เห็นศักยภาพของการร่วมมือกับธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) เพื่อนำเครื่องมือที่บริษัทมีไปใช้ในการทำงานของธุรกิจ

นายวรกร สิริจินดา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า นอกจากการขยายธุรกิจไปใน 3 กลุ่มดังกล่าวแล้ว บริษัทยังเสริมแกร่งระบบหลังบ้านให้พร้อมรับการเติบโต โดยการเสริมแกร่ง 3 กลยุทธ์ความไว้วางใจ ได้แก่ ระบบความปลอดภัยทาง (Cybersecurity) ที่พร้อมดูแลและติดตามการลงทุนของนักลงทุนได้

ถัดมาคือ การดูแลทรัพย์สินของนักลงทุน ด้วยผู้รับฝากสินทรัพย์ (Custodian) ระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพที่ปลอดภัยจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber attack) รวมถึงเสริมประสิทธิภาพของระบบการจัดทำเครดิต (Credit Scoring) ในการวิเคราะห์คุณสมบัติความน่าเชื่อถือของ SMEs ที่มาออกหุ้นกู้

นอกจากนี้ ยังเสริมทีมบุคลากรที่เข้าใจผลิตภัณฑ์การเงิน เข้าใจเกณฑ์กำกับดูแล เข้าใจความเสี่ยงและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ที่ขายกับนักลงทุน โดยบริษัท เน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง เป็นที่เชื่อมั่นวางใจได้ เพราะบริษัท มองว่า อินเวสทรี มีสถานะเทียบเท่ากับสถาบันการเงิน ความมั่นคงและการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทเติบโตก้าวกระโดดมากกว่า 300 เท่า โดยมีมูลค่าหุ้นกู้รวมทั้งสิ้นกว่า 221 ล้านบาท คิดเป็น 16% ของมูลค่าตลาดรวม1,391 ล้านบาท และ 29% ของจำนวนบริษัทที่ออกหุ้นกู้ 140 บริษัท มีนักลงทุนที่เข้าใจความเสี่ยงของ SMEs และต้องการช่วย SMEsเพิ่มขึ้นจาก 38 รายเป็น 269 ราย โดยอัตราเฉลี่ยของผลตอบแทนที่ได้รับคือ 11%

“ถึงแม้มูลค่าหุ้นกู้ที่เราออกจะราคาไม่สูงนัก แต่ถ้าดูเปอร์เซ็นต์จำนวนบริษัทที่มาออกหุ้นกู้กับเราจะเห็นชัดเจนว่าเราช่วย SMEs ที่ต้องการต่อลมหายใจธุรกิจจริงๆ โดยเฉพาะรายย่อยมากๆ ที่ต้องการทุนไปหมุนเวียนในจังหวะที่ขาดสภาพคล่อง ซึ่งมีทั้งการขอออกหุ้นกู้ซ้ำจาก SMEs รายเดิม 75% และรายใหม่อีก 25% เราทุกคนที่อินเวสทรี เชื่อมั่นว่าทุกๆ คนมีโอกาสเติบโต หรือ Everyone Can Grow ดังนั้น ไม่ควรจะมีใครต้องล้มไปจากความตั้งใจในการทำธุรกิจเพียงเพราะขาดทุนหมุนเวียน ที่ผ่านมาเราช่วยเหลือ SMEs ไปแล้วกว่า 40 บริษัท ซึ่งมีพนักงานรวมๆ แล้วมากกว่า 400 ชีวิตเลยทีเดียว”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรธุรกิจที่หลากหลายทั้งกลุ่มที่มีซัพพลายเชนขนาดใหญ่ เช่น เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เซ็นทรัล รีเทล (CRC) ด้วยเราเห็นโอกาสของการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่จับมือพันธมิตรฝ่าวิกฤติโควิดด้วยแผนช่วยเหลือคู่ค้าและผู้ประกอบการ หาแหล่งเงินทุนเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ที่มากกว่า 50% เป็น SMEs มีผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นคู่ค้าของกลุ่มเซ็นทรัลมาออกหุ้นกู้กับบริษัท ประมาณ 20 ล้านบาท

อีกกลุ่มที่เป็นพันธมิตรกับบริษัท คือ กลุ่มทำธุรกิจบริการทางด้านการเงิน และ ระบบการจัดซื้อบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม กลุ่มนี้ อินเวสทรี เข้าไปเป็นบริการเสริมทางด้าน CRM และด้านการเงินแก่ซัพพลายเชน (Supply Chain Finance) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ลูกค้าจากพันธมิตรด้วย โดยทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจนี้เป็นพันธมิตรกับบริษัท มาตั้งแต่เริ่มต้น ได้แก่ 2C2P เป็น Payment Gateway พันธวณิช ระบบ e-Procurement และ FLOWACCOUNT ซึ่งเป็น Online Accounting Software

นายวรกร กล่าวว่า การที่บริษัท ผนึกกำลังกับพันธมิตรต่างๆ รวมถึงธนาคารพาณิชย์ด้วยนั้นก็เพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่สามารถช่วย SMEs ได้มากกว่าแค่เป็นแหล่งเงินทุน เช่น การจัดสัมมนาออนไลน์ให้ความรู้ “SME รู้รอดเล่า” ร่วมกับ 2C2P เป็นต้น ปัจจุบันกลุ่มบริษัท มองไปเกินกว่าการปล่อยสินเชื่อให้แก่ SMEs โดยมองไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น หุ้นกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นหลากหลายมากขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดการปล่อยสินเชื่อเพื่อ SMEs นั้น ปัจจุบันไทยมีบริษัทจดทะเบียนผู้ประกอบการประมาณ 3 ล้านบริษัท 99% หรือประมาณ 2.9 ล้านเป็น SMEs และมากกว่า 2 ล้านบริษัทนั้น เป็นบริษัทขนาดเล็ก ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ SMEs ก็ยังคงมีอยู่ ถึงแม้ในตลาดจะมีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อสูง แต่บริษัทขนาดเล็กยังคงเจอปัญหาเข้าไม่ถึงเงินกู้เหมือนเดิม

แน่นอนว่าในภาวะวิกฤตินี้เงื่อนไขบางอย่างของธนาคารกลายเป็นข้อกำหนดที่มาจำกัดสิทธิ เช่น ประวัติชำระหนี้ที่ไม่ดีนัก ไม่ยอมชำระหนี้ มีหนี้สินติดค้าง หรือชำระเงินช้าเมื่อถึงกําหนดชำระ หุ้นกู้ Crowdfunding จึงมาเปิดโอกาสให้กับ SMEs

“แน่นอนว่าเราก็เห็นโอกาสเติบโตจากตลาดนี้เช่นกัน รวมไปถึงโอกาสจากนักลงทุนไทยที่ก็เปิดกว้างในการเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ก็ยังผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอกว่า SMEs และนักลงทุนที่ต้องการคำปรึกษาจากเราสามารถเข้าไปได้ที่ www.investree.co.th”

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์