โรเบิร์ต แคนเดลิโน ซีอีโอ ยูนิลีเวอร์ ประกาศลาออก! ยุตินำทัพธุรกิจในไทย
สะเทือนองค์กรสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เมื่อแม่ทัพใหญ่ "โรเบิร์ต แคนเดลิโน" ประกาศลาออกจากกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน ท่ามกลางภาวะสุญญากาศ ยังคงรับหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีผู้นำคนใหม่มาแทนที่
ช่วงที่ผ่านมา ยูนิลีเวอร์ มีความเคลื่อนไหวหลายประการ นอกจากการทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อฝ่าวิกฤติสร้างการเติบโต ล่าสุด เพิ่งตัดขายกิจการขายตรง "ยูนิลีเวอร์ ไลฟ์” ในประเทศไทยให้กับกลุ่มอาร์เอสด้วยมูลค่า 880 ล้านบาท
แต่ประเด็นใหญ่กว่านั้นคือ แถลงการณ์จาก กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ได้ประกาศปรับเปลี่ยนตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ครั้งสำคัญ
โดยนายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ซีอีโอและประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน ประกาศลาออกจากบริษัท
ทั้งนี้ โดยนายโรเบิร์ตได้ร่วมงานกับยูนิลีเวอร์มาเป็นเวลานานถึง 25 ปี มีผลงานโดดเด่นมากมายในเวทีโลก และถูกมอบภารกิจสำคัญให้มาประจำการอยู่ที่กรุงเทพฯ ในช่วง 5 ปีหลังของการทำงาน
สำหรับภายหลังจากการลาออก เขาจะเดินทางกลับไปสหรัฐอเมริกา “เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว”
อนึ่ง นายโรเบิร์ต จะยังคงรักษาการณ์ในตำแหน่ง จนกว่าจะมีการประกาศแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่เพื่อดำรงตำแหน่งแทน และจะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีความต่อเนื่องทางธุรกิจ เขามั่นใจในศักยภาพของบริษัท ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีผลการดำเนินงานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างมาก พร้อมด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและบุคลากรที่ยอดเยี่ยมที่จะนำพาบริษัทให้เติบโตต่อไป
ย้อนภารกิจที่เข้ามารับตำแหน่ง "แม่ทัพ" ยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย เป็นช่วงเวลาที่ "ท้าทาย" อย่างยิ่ง เพราะขณะนั้น บรรดาผู้บริหารของยูนิลีเวอร์ "ลาออก" กันเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ลูกหม้อระดับซีอีโอ ตามด้วยทีมงานฝ่ายการตลาดมือฉมัง ไม่เว้นแม้กระทั่งทีมสื่อสารองค์กร
โดยประเด็น "สมองไหล" หรือทีมงานออกจากไปนั้น เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไข แต่ "โรเบิร์ต" กลับไม่มองเป็นอุปสรรคมากนัก เพราะเชื่อมั่นในทีมงานที่มีอยู่ และคนเก่งมากมายภายในองค์กร
ส่วนเรื่องการทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ดูจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่หรือยากมากนัก แต่สิ่งที่ "โรเบิร์ต" ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขององค์กร คือการนำสินค้ารักษ์สิ่งแวดล้อม เข้ามาทำตลาดมากขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นซันซิล ซันไลต์ Seventh Generation เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังปัดฝุ่นผลิตภัณฑ์ “ไลฟ์บอย” แบรนด์สบู่ระดับตำนานกว่า 126 ปี ที่หายจากตลาดไทยกว่า 40 ปี เพื่อนำกลับมาทำตลาดอีกครั้งด้วย
ส่วนช่องทางขายหน้าร้านเป็นหัวใจสำคัญ และช่องทางร้านค้าดั้งเดิมทั่วไทยมีนับ "แสนจุด" ทั่วประเทศ "โรเบิร์ต" นำทัพทีมงานลงพื้นที่ไปสำรวจร้านค้า เพื่อดูจุดแข็งจุดอ่อนแล้วแปรงโฉมร้านโชห่วยให้โชสวยน่าเข้าไปใช้บริการมากขึ้น
สำหรับระยะเวลาที่ทำงานในประเทศไทย "โรเบิร์ต" สามารถพาธุรกิจสร้างผลกำไรที่ดี รวมถึงยังสร้างปรากฏการณ์ยอดขายให้ “เติบโต” ค่อนข้างมากสวนทางกับตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ผงซักฟอกโอโม มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดรอบ 10 ปี บรีส สูงสุดรอบ 5 ปี
อย่างไรก็ตาม หลัง "โรเบิร์ต" ทิ้งเก้าอี้แม่ทัพธุรกิจในไทย จับตาดูว่าใครคือคนต่อไปที่จะเป็นผู้กุมบังเหียนธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลกซึ่งค้าขายอยู่ในไทยมายาวนานถึง 88 ปี