ผวาหนี "ภัยสงคราม" โอกาสทองของ "ทองคำ"

ดูเหมือนว่ารัสเซียพยายามแผ่อิทธิพลเข้าไปในยูเครน ส่วนยูเครนพยายามตีตัวออกห่าง และหันไปจับมือกับชาติตะวันตก โดยยูเครนต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ขณะที่รัสเซียค้านสุดตัว เพราะไม่อยากให้นาโตขยายอิทธิพลเข้ามาในยุโรปตะวันออก และแถบทะเลบอลติกที่เคยเป็นพื้นที่ของสหภาพโซเวียตมาก่อน

โดยตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย ยูเครน และมีสหรัฐพร้อมด้วยพันธมิตรชาติตะวันตกเข้ามาร่วมด้วย เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ สื่อตะวันตกออกมาให้ข่าวรายวันว่ารัสเซียพร้อมบุกยูเครนทุกเมื่อ แต่รัสเซียยังคงปฏิเสธที่จะใช้ความรุนแรง

ก่อนที่ต่อมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ประกาศรับรองเอกราช 2 แคว้นกบฏยูเครนคือ แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครนติดกับรัสเซีย ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นไปอีก หลายชาติทั้งสหรัฐ อียู อังกฤษ เยอรมนี ออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียทันที

แต่ดูว่างานนี้รัสเซียจะไม่สน ก่อนเปิดฉากเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในหลายพื้นที่ของยูเครนเมื่อช่วงสายของวานนี้ (24 ก.พ.65) ตามเวลาประเทศไทย โดยพุ่งเป้ายังโครงสร้างพื้นฐาน และพื้นที่ทางการทหาร สร้างความหวั่นวิตกไปทั้งโลก

นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง หนีไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำ (Gold Spot) พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง จ่อทะลุ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศเหวี่ยงแรง เปลี่ยนแปลงมากถึง 17 ครั้ง โดยปรับตัวขึ้นมาถึง 1,100 บาท

“ทองคำแท่ง” รับซื้อที่ 29,900 บาท และขายออกแตะ 30,000 บาท ส่วน “รูปพรรณ” รับซื้อ 29,364.92 บาท และขายออก 30,500 บาท ซึ่งดูจากสัญญาณแล้วราคาทองคำโลก ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ และอาจได้เห็นนิวไฮใหม่เหนือระดับ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเคยทำไว้เมื่อเดือนส.ค.2563 ช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักๆ 

โดย นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ กล่าวว่า ราคาทองคำวานนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงและรวดเร็ว หลังรัสเซียเริ่มเปิดฉากโจมตีหลายพื้นที่ของยูเครน ซึ่งมองว่าสถานการณ์ยังสุ่มเสี่ยงและส่อเค้ายืดเยื้อ โดยต้องรอติดตามว่ายูเครน และพันธมิตรชาติตะวันตกจะโต้กลับอย่างไร

 ซึ่งหากมีการใช้ความรุนแรง เปิดฉากทำสงครามเต็มรูปแบบจะยิ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำ โดยราคาทองคำมีโอกาสพุ่งแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์

“ช่วงนี้ทองคำยังเป็นขาขึ้นจากวิกฤติยูเครน แต่ควรต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อ และรุนแรงแค่ไหน ถ้าจบเร็วราคาก็คงหยุด กลยุทธ์ตอนนี้จึงต้องเน้น เข้าเร็ว ออกเร็ว มีแนวรับทางเทคนิคที่ 1,920 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,000 ดอลลาร์”

ส่วนราคาทองคำในประเทศได้รับอานิสงส์ 2 ต่อ ทั้งจากสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียกับยูเครน และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังนักลงทุนแห่ซื้อเงินดอลลาร์ มองว่าราคาทองคำในประเทศที่โอกาสขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมเมื่อปี 2563 ที่ระดับ 31,000 บาท

ด้าน ศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นร้อนแรงตามราคาทองคำตลาดโลก หลังรัสเซียเปิดฉากถล่มยูเครน ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง หันซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ

โดยราคาทองคำโลกกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากสถานการณ์ยังรุนแรงและยืดเยื้อ มีการตอบโต้จากฝ่ายยูเครน และชาติตะวันตก ราคาทองคำมีโอกาสพุ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเทียบกับราคาทองคำแท่งในประเทศที่ระดับ 30,450 - 30,650 บาท ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทในกรอบ 32.20 - 32.40 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนที่มีทองคำอยู่ในพอร์ตให้ถือต่อ ส่วนใครที่ยังไม่มีสามารถเข้าซื้อได้ แต่อัพไซด์อาจเหลือไม่มาก เพราะราคาขึ้นมาเยอะแล้ว โดยต้องติดตามพัฒนาการเรื่องความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และความเคลื่อนไหวของเงินบาทประกอบกันไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาทองคำเริ่มถูกเทขายอย่างหนัก จ่อหลุด 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 1,974 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

หลังรัฐบาลยูเครนส่อแววเตรียมเปิดทางเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย เนื่องจากไม่อยากให้เหตุการณ์ลุกลามไปมากกว่านี้ หลังถูกโจมตีอย่างหนักตลอดวันที่ผ่านมา ขณะที่พันธมิตรชาติตะวันตกปฏิเสธที่จะส่งทหารเข้าไปร่วมสู้รบในยูเครน

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์