ส่องปัจจัยหนุนเศรษฐกิจปี 65 ฟื้นตัว "สภาพัฒน์" คาดจีดีพีโต 4%
"สภาพัฒน์" คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2564 ชูปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง การลงทุนที่ขยายตัว บนสมุติฐานการแพร่ระบาดโควิดที่ไม่รุนแรง พร้อมให้แนวบริหารเศรษฐกิจ 9 ข้อ เร่งดำเนินการสร้างการเติบโตในอนาคต
เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวได้ 1.6% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.2 % ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การส่งออกที่ยังไปได้ดี บนสมมุติฐานที่โรคโควิดต้องไม่กลายพันธุ์เพิ่มเติม
ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.คาดการณ์ว่าจีดีพีไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ 3.5 – 4.5% เท่ากับการประมาณการในครั้งก่อน โดยอยู่บนสมมุติฐานว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดของโควิดกลายพันธุ์ที่มีความรุนแรงจนทำให้มีการเจ็บป่วยรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก การส่งออกที่ยังคงฟื้นตัวได้ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 4.9%
ส่วนการบริโภคเอกชนจะขยายตัวได้ 4.5% และการลงทุนของภาคเอกชนจะขยายตัวได้ 3.8% ส่วนการลงทุนภาครัฐจะขยายตัว 4.6%
ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีโครงสร้างการพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง ทำให้ต้องรอการฟื้นตัวจากภาคท่องเที่ยวเข้ามาเป็นส่วนช่วยให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น โดย สศช.คาดว่าการท่องเที่ยวในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 5.5 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 4.7 แสนล้านบาท
“ในปีนี้เศรษฐกิจจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลายๆส่วน ไม่มีพระเอกตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ ต้องอาศัยการฟื้นตัวจากหลายๆส่วนเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมาย”
สำหรับการบริหารเศรษฐกิจในปีนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับประเด็นต่างๆที่ยังเป็นอุปสรรคในการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยได้แก่เรื่องหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่ง สศช.ได้เสนอแนะในโอกาสต่างๆว่าต้องมีมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง เช่น การชะลอหนี้ และการปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่ปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อที่สูงเป็นปัญหาที่หลายประเทศเผชิญโดยในส่วนของประเทศไทยนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ติดตามนโยบายนี้อย่างใกล้ชิดและคงจะพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงจากความเปราะบางทางเศรษฐกิจของไทยด้วย
สำหรับนโยบายและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะถัดไปยังต้องให้ความสำคัญกับการรักษาระดับการบริโภคในประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีการลงทุนและให้มีมาตรการรักษาระดับการจ้างงาน
นายดนุชากล่าวว่าการบริหารเศรษฐกิจในปีนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับประเด็นต่างๆที่ยังเป็นอุปสรรคในการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยได้แก่เรื่องหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
ซึ่ง สศช.ได้เสนอแนะในโอกาสต่างๆว่าต้องมีมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง เช่น การชะลอหนี้ และการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่ปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อที่สูงเป็นปัญหาที่หลายประเทศเผชิญกับปัญหาเนื่องจากมีประเด็นเรื่องของราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และธนาคารกลางในหลายประเทศใช้มาตรการทางการเงินคือจะใช้การขึ้นดอกเบี้ยนโนบายเพื่อชะลอเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
โดยในส่วนของประเทศไทยนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ติดตามนโยบายนี้อย่างใกล้ชิดและคงจะพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงจากความเปราะบางทางเศรษฐกิจของไทยด้วย