IRPC จับสัญญาณเสี่ยงศึกรัสเซีย - ยูเครน ทำต้นทุนพุ่ง แต่หนุนกำไรสต็อกน้ำมัน
ไออาร์พีซี” ประเมินความเสี่ยงความขัดแย้งรัสเซีย - ยูเครน ทำต้นทุนพุ่ง แต่หนุนกำไรสต็อกน้ำมัน มั่นใจแนวโน้มธุรกิจปี 65 ยังโตต่อเนื่อง วางงบซื้อกิจการต่อยอดธุรกิจใหม่ 8.9 พันล้าน จากงบลงทุนปีนี้ 2 หมื่นล้าน เดินหน้า 3 กลยุทธ์หลัก วางเป้าอิบิทด้า ปี 73 แตะ 3 หมื่นล้าน
นางสาวกัญญามาส ฤทธิเดช ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลต่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นนั้น แม้อาจทำให้ต้นทุนการผลิตขึ้น แต่ก็จะมีผลทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน ( Stock gain) และดีมานด์ในตลาดยังเพิ่มขึ้น
จากปัจจัยดังกล่าวมั่นใจว่า จะส่งผลต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 ยังเติบโตต่อเนื่องมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
สำหรับแผนงานในปี 2565 บริษัทตั้งงบลงทุน 20,000 ล้านบาท โดยจะใช้ในการซ่อมบำรุงประจำปี การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
และเงินลงทุนส่วนหนึ่งจะสำรองไว้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจใหม่ๆ เน้นการลงทุนไปกับพันธมิตรที่มีความชำนาญ หรือโครงการที่มีศักยภาพและกำลังศึกษา โดยตั้งงบไว้ประมาณ 8,900 ล้านบาท
พร้อมวางกลยุทธ์ 3 ด้าน ประกอบด้วย STRENGTHENING THE CORE, STRIVING THE GROWTH, SUSTAINING THE FUTURE ผ่านการดำเนินงานใน 3 ส่วนหลักคือ
1.Core Uplift การต่อยอดจากธุรกิจในปัจจุบัน ทั้งปิโตรเลียม และโรงกลั่น โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนผลิตภัณฑ์สินค้ากลุ่มชนิดพิเศษ (Specialty) เติบโตเป็น 52% ในปี 2568 จากปีนี้อยู่ที่ 20% ซึ่งจะมุ่งเน้นในกลุ่มของ Medical & Hygiene, Automotive, Electronic and appliance, Construction รวมถึงการนำพื้นที่ว่างเปล่ามาทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ Advance Material, Health Life and Science, Bio product เป็นต้น
2.Adjacent Business ขยาย Value Chain จากธุรกิจที่มีอยู่ โดยจะมุ่งสู่ Go Hygiene และ Go Convertor
3.Step Out Business การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทำ เพื่อตอบโจทย์ในฝั่งของ Material Solution and Energy Solution
ส่วนทางด้านความคืบหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการประกอบด้วย 2 โครงการ คือ
1.Ultra Clean Fuel (UCF) Profect สำหรับแปลง IISOGO เป็น LSGO เพื่อให้ได้มาตรฐาน Euro5 ซึ่งรัฐบาลจะประกาศในปี 2567 ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะสามารถ COD ได้ในช่วงม.ค.2567 เงินลงทุนประมาณ 13,300 ล้านบาท โดยขณะนี้มีความคืบหน้า 20% และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
2.โครงการ INNOPOLYMED โดยบริษัทถือหุ้น 60% กำลังการผลิต 5.6 KTA เงินลงทุน 260 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2565
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2565 เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
นางสาวกัญญามาส กล่าวว่า บริษัทประเมินทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันดิบว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 103 ล้านบาร์ต่อวัน เท่ากับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19และคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้อยู่ที่ 67-75 ดอลลาร์/บาร์เรล ใกล้เคียงราคาเฉลี่ยทั้งปี 64 ที่ 69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยความต้องการมาจากอุตสาหกรรมปลายทางหลัก เช่น อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ สุขอนามัย และเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ การก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์รวมไปถึงหุ่นยนต์
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์