TH ปักธงดันธุรกิจบริหารหนี้ เข้าเทรดในตลาดฯอีก3ปีข้างหน้า
“ตงฮั้ว”เดินหน้าเจรจา 3-4 ธนาคารพาณิชย์พันธมิตร ตั้งบริษัทร่วมทุนบริหารหนี้ คาดเริ่มได้ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า พร้อมกางแผนซื้อหนี้เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 6พันล้าน ดันกำไรปีนี้แตะ 200 ล้าน เล็งย้ายหมวดซื้อขายหุ้น
นายสมนึก กยาวัฒนกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือTH เปิดเผยว่า จากที่บริษัทย่อย คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ตงฮั้ว จำกัด ได้รับใบอนุญาตจดทะเบียนประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์(AMC)จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีอากรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการโอนทรัพย์สินตาม พ.ร.ก.บริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541
โดยขณะนี้บริษัทได้เริ่มเจรจาธนาคารพาณิชย์พันธมิตรราว 3-4 แห่ง เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ( JV AMC) บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ (ชนิดมีหลักประกัน) คาดเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ทำให้บริษัทมีรายได้ และมีศักยภาพการแข่งขันเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทเตรียมเพิ่มทุนจำนวนกว่า 200 ล้านหุ้น โดยการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนท์)อัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ1 หุ้นใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวธุรกิจเอเอ็มซี โดยตั้งเป้าจะนำบริษัทบริหารสินทรัพย์ ตงฮั้ว เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 3 ปี ข้างหน้า
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2565 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิราว 160-200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 มีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากธุรกิจเอเอ็มซีเป็นหลัก
เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารไม่ต่ำกว่าปีละ 6 พันล้านบาท จากไตรมาส 3 ปี 2564 ซื้อหนี้มาบริหาร 3,000 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปี 2564 และมีกำไรสุทธิราว 40 ล้านบาท
นายสมนึก กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปีนี้ ได้ซื้อหนี้(ชนิดไม่มีหลักประกัน) เข้ามาบริหารอีก 1,000 ล้านบาท คาดเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 2 ปี 2565 และจะทยอยซื้อหนี้เพิ่มตามเป้าที่ตั้งไว้ เพราะในปีนี้สถาบันการเงินจะมีหนี้ด้อยคุณภาพออกมาขายเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการขยายธุรกิจจะมาจากกระแสเงินสดราว 1,000 ล้านบาท รวมถึงยังได้รับอนุมัติให้ออกหุ้นกู้วงเงิน 2,000 ล้านบาท และคาดว่าหลังประกาศงบไตรมาส1ปีนี้ จะมีความคืบหน้าการย้ายหมวดซื้อขาย
นายสมนึก กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบดีเซ็นทรัลไลซ์อินฟราสตักเจอร์ ตามแผนธุรกิจไอทีระยะ 3 ปี ( ปี 2565-2567) งบลงทุน 100 ล้านบาท และยังมองหาพันธมิตรในต่างประเทศ มาร่วมพัฒนาอีโคซิสเต็มส์และการออกเหรียญเพื่อขยายสู่ตลาดต่างประเทศด้วย